แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์จำเลยตกลงขยายกำหนดเวลาก่อสร้างออกไปแต่มิได้ตกลงว่านานเท่าใด โจทก์จะถือว่าจำเลยผิดสัญญาและบอกเลิกสัญญาเสียได้ก็ต่อเมื่อได้กำหนดเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้จำเลยก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในกำหนดนั้นแล้วและจำเลยไม่ปฏิบัติตาม เมื่อจำเลยยังทำงานไม่แล้วเสร็จ โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่จำเลย และเมื่อเลิกสัญญากันแล้วคู่สัญญายังมีสิทธิที่จะได้คืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่โดยวิธีการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โดยเฉพาะโจทก์ต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานของจำเลยด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยก่อสร้างอาคาร จำเลยเป็นผู้จัดหาสัมภาระและช่างมาทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาค่าจ้าง 7,600,000 บาท จ่ายเป็นงวดรวม 9 งวด หลังจากทำสัญญาแล้วจำเลยก่อสร้างด้วยความชักช้าไม่แล้วเสร็จตามสัญญา พฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่สามารถก่อสร้างให้เสร็จได้ภายในเวลาอันสมควรโจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่จำเลยทำการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เนื่องมาจากโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาและกลั่นแกล้งจำเลยค่าเสียหายที่เรียกมาสูงเกินกว่าความเป็นจริง โจทก์ยังค้างชำระค่าจ้างเหมารื้อถอนและก่อสร้างใหม่แก่จำเลย ค่าก่อสร้างงวดที่ 8 และงวดที่ 9บางส่วนก็ยังไม่ชำระให้ นอกจากนี้ยังได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยบางอย่างไว้โดยไม่มีสิทธิ ค่าใช้จ่ายในการขอย้ายหม้อแปลงไฟฟ้าก็ไม่ชำระแก่จำเลยขอบังคับให้ชำระพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาแต่ฝ่ายเดียวฟ้องแย้งของจำเลยไม่เป็นความจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยก่อสร้างไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดตามสัญญา มิใช่เป็นความผิดของจำเลย และโจทก์ได้ตกลงขยายเวลาก่อสร้างให้แก่จำเลย แต่จำเลยยังทำงานล่าช้ามากจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ส่วนโจทก์ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย เมื่อหักกลบลบกันแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 715,006 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยก่อสร้างไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดตามสัญญา มิใช่เป็นความผิดของจำเลย งานที่จำเลยทำการก่อสร้างต่อไปไม่ใช่งานตามสัญญาจ้าง แม้จำเลยทำไม่แล้วเสร็จโจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับและค่าเสียหายทั้งไม่มีสิทธิยึดสิ่งก่อสร้างตลอดจนสัมภาระในการก่อสร้างของจำเลย โจทก์ต้องชดใช้ค่าก่อสร้างงวดที่ 8 ที่ 9 ค่าก่อสร้างเพิ่มเติม ค่าเปลี่ยนสายไฟหม้อแปลงไฟฟ้าและค่าสิ่งของที่ต้องคืนจำเลยพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลย 1,367,805 บาทพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาว่าจำเลยผิดสัญญาหรือไม่ว่า การที่โจทก์จำเลยตกลงขยายกำหนดเวลาก่อสร้างออกไป แต่มิได้ตกลงว่านานเท่าใดโจทก์จะถือว่าจำเลยผิดสัญญาและบอกเลิกสัญญาเสียได้ ก็ต่อเมื่อได้กำหนดเวลาพอสมควรบอกกล่าวให้จำเลยก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในกำหนดนั้นแล้วและจำเลยไม่ปฏิบัติตาม คดีได้ความจากคำนายสมศักดิ์หาญตระกูล พยานโจทก์ว่า เมื่อจำเลยทำงานไม่แล้วเสร็จตามกำหนดโจทก์ได้บอกกล่าวเตือนด้วยวาจา และมีหนังสือเตือนจำเลยอีกตามเอกสารหมาย จ.41 โดยหนังสือดังกล่าวปรากฏว่าลงวันที่ 23 มีนาคม2520 แจ้งแก่จำเลยว่าให้รีบเร่งดำเนินงานก่อสร้างให้เสร็จโดยด่วนที่สุดเท่านั้น หาได้กำหนดว่าให้ทำการให้แล้วเสร็จเมื่อใดไม่ ฉะนั้น แม้จำเลยยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ จนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2520 อันเป็นวันที่โจทก์บอกเลิกสัญญาจำเลยก็ยังหาผิดสัญญาไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับ ค่าเสียหาย ทั้งไม่มีสิทธิยึดสิ่งก่อสร้างตลอดจนสัมภาระในการก่อสร้างของจำเลยตามสัญญาจ้าง
ส่วนปัญหาว่าโจทก์จะต้องรับผิดชดใช้เงินตามฟ้องแย้งแก่จำเลยหรือไม่เพียงใด เห็นว่า เมื่อจำเลยยังทำงานไม่แล้วเสร็จ โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่จำเลย และเมื่อเลิกสัญญากันแล้ว คู่สัญญายังมีสิทธิที่จะได้คืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่โดยวิธีการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 381 โดยเฉพาะโจทก์ต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานของจำเลยด้วย เมื่อจำเลยก่อสร้างไม่แล้วเสร็จเหลืองานอยู่ 31 รายการโจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างงานส่วนที่เหลือเป็นเงิน 1,487,511 บาท โดยยังไม่รวมค่าบุฝ้าเพดานอีก 306,000 บาท งานก่อสร้างรายนี้โจทก์จ้างจำเลยเป็นเงิน 7,600,000 บาท งานที่เหลืออยู่เป็นค่าจ้างประมาณ 1,793,511บาท จึงเชื่อว่างานที่จำเลยก่อสร้างไปแล้วมีค่าเป็นเงินประมาณ 6,000,000บาท จำเลยรับเงินค่าจ้างไปจากโจทก์แล้ว 7 งวด เป็นเงิน 6,120,000 บาทเงินที่จำเลยรับไปจึงเกินค่าแห่งการงานของจำเลยเป็นเงิน 120,000 บาทไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยก่อสร้างงานงวดที่ 8 ที่ 9 แล้วหรือไม่ต่อไป และเห็นสมควรกำหนดราคาสิ่งของที่โจทก์ต้องคืนแก่จำเลยคือ ค่าเครื่องผสมปูนเป็นเงิน 14,800 บาท ค่าลิฟต์และโครงเหล็กสำหรับยกของเป็นเงิน 66,000บาท และค่าไม้แบบเป็นเงิน 200,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมแล้วนอกจากนั้นโจทก์ยังค้างชำระค่าก่อสร้างเพิ่มเติมจำนวน 125,675 บาทกับค่าเปลี่ยนสายไฟหม้อแปลงไฟฟ้าจำนวน 6,830 บาทแก่จำเลย เมื่อรวมจำนวนเงินที่โจทก์ต้องใช้แก่จำเลยทุกรายการแล้วเป็นเงิน 413,305 บาทแต่จำเลยก็รับเงินจากโจทก์ไปเกินกว่าค่าแห่งการงานเป็นเงิน 120,000บาท เมื่อหักกลบลบกันแล้ว โจทก์ยังต้องชำระเงินแก่จำเลยจำนวน293,305 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลย 293,304 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์