แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้อาวุธมีคมปาดเชือดคอผู้เสียหายเป็นแผลฉกรรจ์ยาว15 เซนติเมตร ลึก 6 เซนติเมตร ตัดเข้าหลอดอาหารส่วนต้นและเส้นประสาทกล่องเสียงด้านซ้าย อันเป็นอวัยวะสำคัญ อาจทำให้ ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเนื่องจาก แพทย์ได้ทำการรักษาไว้ทันการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและจำเลยกระทำโดยมีการตระเตรียม และวางแผนการไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้หวังที่จะได้รับเงินบำเหน็จและ เงินประกันชีวิตของผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยโดยไตร่ตรองไว้ก่อนใช้ของมีคมเป็นอาวุธปาดเชือดทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย โดยเจตนาฆ่า แต่ผู้เสียหายไม่ตายสมเจตนาของจำเลยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 80, 52(1) ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
โจทก์และจำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยใช้อาวุธมีคมปาดเชือดคอผู้เสียหายเป็นแผลฉกรรจ์ยาว 15 เซนติเมตร ลึก 6 เซนติเมตร ตัดเข้าหลอดอาหารส่วนต้นและเส้นประสาทกล่องเสียงด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะสำคัญ อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เนื่องจากแพทย์ได้ทำการเยียวยารักษาไว้ทันการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย และการที่จำเลยกระทำผิดดังกล่าวก็โดยมีการตระเตรียมการและวางแผนการไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้โดยหวังจะได้รับเงินบำเหน็จและเงินประกันชีวิตของผู้เสียหาย จึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น