คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1912/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาที่ว่าทรัพย์ที่ยึดขายทอดตลาดในคดีแพ่งเป็นของใครโจทก์มิได้ยกขึ้นว่ามาแต่แรก เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 110 หมายบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้จะใช้ยันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไม่ได้เว้นแต่การบังคับคดีนั้นได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และการบังคับคดีนั้นให้ถือว่าได้สำเร็จบริบูรณ์ เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอเฉลี่ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 290 วรรคสาม ว่าให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วันนับแต่วันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด เมื่อปรากฏว่าทรัพย์ของลูกหนี้ที่ถูกยึดในคดีแพ่งได้มีการขายทอดตลาดไปพ้นระยะเวลา 14 วันก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจโอนเงินในคดีแพ่งมาในคดีล้มละลาย เพราะการบังคับคดีแพ่งสำเร็จบริบูรณ์แล้ว
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 111 ที่ว่า ถ้าได้รับคำแจ้งความว่าได้มีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายก่อนที่การบังคับคดีได้สำเร็จบริบูรณ์ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกักเงินไว้ และถ้าต่อไปศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีคิดหักเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมเหลือเท่าใดให้ส่งเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายนั้น เป็นกฎหมายที่วางวิธีปฏิบัติของเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่การบังคับคดีจะใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เพียงใด ย่อมเป็นไปตามมาตรา 110กล่าวคือ หากเจ้าพนักงานบังคับคดีกักเงินไว้แล้ว แต่ต่อมาปรากฏว่าศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้หลังจากการบังคับคดีสำเร็จบริบูรณ์ไปแล้ว การบังคับคดีนั้นย่อมใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้
ปัญหาเรื่องลูกหนี้โอนทรัพย์สินใน 3 ปี ก่อนมีการขอให้ล้มละลายเป็นคนละประเด็นกับปัญหาเรื่องลูกหนี้ถูกบังคับคดีซึ่งจะใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เพียงใด

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดห้างจำเลย และพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว ต่อมาวันที่ 20 มีนาคม 2513 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นายกิมจี้ แซ่แต้ หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดล้มละลายตามห้าง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนายกิมจี้เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2513

โจทก์ยื่นคำร้องว่า นายกิมจี้ถูกยึดทรัพย์ในคดีแพ่งแดงที่ 3969/2512 และมีการขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 13 มกราคม และ 6 กุมภาพันธ์ 2513 ซึ่งโจทก์ในคดีแพ่งยังมิได้รับเงินไป โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขอโอนเงินค่าขายทรัพย์มาในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กลับสั่งว่าการบังคับคดีแพ่งสำเร็จบริบูรณ์แล้ว ไม่อาจโอนได้ซึ่งเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ขอให้ยกคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอโอนเงินค่าขายทรัพย์นั้นมา

ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนายกิมจี้ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2513 แต่ปรากฏว่าคดีแพ่งแดงที่ 3969/2512 นั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดเสร็จเรียบร้อยไปตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2513 แล้วพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 110 วรรค 2 บัญญัติว่าการบังคับคดีนั้นให้ถือว่าได้สำเร็จบริบูรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอเฉลี่ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรค 3 ได้กำหนดเวลาที่เจ้าหนี้จะยื่นคำขอเฉลี่ยไว้โดยให้ยื่นก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วันนับแต่วันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด ฉะนั้น การบังคับคดีแพ่งดังกล่าวจึงสำเร็จบริบูรณ์ไปตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2513 อันเป็นเวลาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นายกิมจี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจโอนเงินในคดีแพ่งดังกล่าวมาในคดีล้มละลายได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 110 วรรคแรก ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งไม่ขอโอนเงินมาจึงชอบแล้ว

ฎีกาของโจทก์ข้อ ก.ที่ว่า ทรัพย์ที่ยึดขายทอดตลาดไม่ใช่ทรัพย์ของนายกิมจี้ แต่เป็นทรัพย์ของห้างจำเลยนั้น โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ามาแต่แรก เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ฎีกาข้อ ข.ที่ว่า ขณะที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โอนการยึดมาเจ้าพนักงานบังคับคดียังมิได้จ่ายเงินให้โจทก์ในคดีแพ่งไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงชอบที่จะโอนเงินมาได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 111 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 111 เป็นกฎหมายที่วางวิธีปฏิบัติของเจ้าพนักงานบังคับคดีให้กักเงินไว้ก่อนในกรณีที่ได้รับคำแจ้งความว่าได้มีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายก่อนที่การบังคับคดีได้สำเร็จบริบูรณ์เท่านั้น แต่ปัญหาเรื่องการบังคับคดีแพ่งจะใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เพียงใด ย่อมเป็นไปตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 110 เป็นหลักกล่าวคือ หากเจ้าพนักงานบังคับคดีกักเงินไว้แล้ว แต่ปรากฏต่อมาว่าศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้หลังจากที่การบังคับคดีได้สำเร็จบริบูรณ์ไปแล้ว การบังคับคดีนั้นก็ย่อมใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ โดยเฉพาะกรณีนี้โจทก์เพิ่งจะยื่นคำร้องขอให้นายกิมจี้ล้มละลายตามห้างจำเลยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2513 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่การบังคับคดีแพ่งได้สำเร็จบริบูรณ์ไป ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2513 แล้ว ที่เคยยื่นไว้ก่อนครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2513 โจทก์ก็ถอนเสีย แล้วมายื่นใหม่ภายหลัง ซึ่งเป็นความล่าช้าของโจทก์เอง โจทก์จึงไม่มีทางจะอ้างพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 111 มาเป็นประโยชน์แก่ตนได้เลย

ฎีกาของโจทก์ข้อ ค.ที่ว่า กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายพิเศษแม้แต่การโอนใน 3 ปี ศาลยังมีอำนาจเพิกถอนได้ แต่การบังคับคดีแพ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้จ่ายเงินให้โจทก์ในคดีแพ่งรับไป ฉะนั้น จึงชอบที่จะโอนเงินนั้นมาในคดีล้มละลายได้ ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีที่ลูกหนี้โอนทรัพย์สินใน 3 ปีก่อนมีการขอให้ล้มละลายนั้น จะเพิกถอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ก็ต่อเมื่อเป็นเรื่องการโอนโดยไม่สุจริตหรือไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งไม่มีประเด็นในคดีนี้ประเด็นที่พิพาทกันแห่งคดีมิใช่เรื่องลูกหนี้โอนทรัพย์ไป แต่เป็นเรื่องลูกหนี้ถูกบังคับคดี ปัญหามีเพียงว่าการบังคับคดีแก่ลูกหนี้จะใช้ยันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เพียงใดเท่านั้น ฎีกาของโจทก์ทุกข้อจึงฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share