คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เพียงแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวนเกินกว่า 30,000 บาท จำเลยทราบคำบังคับแล้ว ไม่ชำระหนี้ แต่โจทก์ก็ยังไม่ได้ขอหมายบังคับคดี เพราะคดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับคดี และจำเลยก็นำสืบว่าสามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้ จึงยังไม่เข้าข้อสันนิษฐานว่าจำเลยเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 8(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ศาลจังหวัดลำปางพิพากษาให้จำเลยในฐานะส่วนตัวและทายาทผู้รับมรดกของสิบโทเรวัตผู้ตายชำระหนี้จำนวน 30,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ศาลออกคำบังคับให้จำเลยชำระหนี้ ครบกำหนดตามคำบังคับแล้วจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้ จำเลยเป็นหนี้บุคคลอื่นอีกหลายราย ถือได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย

จำเลยให้การว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์อ้างคดียังไม่ถึงที่สุดคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยมีหลักทรัพย์พอชำระหนี้แก่โจทก์ได้ มิใช่เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเป็นหนี้ร่วมที่จำเลยและสิบโทเรวัตจะต้องรับผิดร่วมกัน จำเลยในฐานะส่วนตัวไม่มีหน้าที่จะต้องชำระหนี้รายนี้แก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวให้เป็นบุคคลล้มละลาย และยังฟังไม่ได้ด้วยว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่าจำเลยในฐานะส่วนตัวและทายาทสิบโทเรวัต มีหนี้ร่วมจะต้องชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดลำปาง จำเลยทราบคำบังคับแล้วไม่ชำระหนี้ เมื่อจำเลยขอทุเลาการบังคับคดี ศาลอุทธรณ์ให้หาหลักประกัน แต่จำเลยหาไม่ได้ โจทก์มีสิทธิฟ้องให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายได้

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ยังไม่ได้ขอหมายบังคับคดี เพราะคดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยยังไม่ได้นำเงินมาชำระโดยขอทุเลาการบังคับคดี ศาลอุทธรณ์สั่งอนุญาตจำเลยนำสืบด้วยว่ายังสามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้ จึงยังไม่เข้าข้อสันนิษฐานว่า จำเลยเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8(5) ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ข้ออื่นต่อไป

พิพากษายืน

Share