คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919-920/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน แล้วผู้ซื้อเข้าไปปลูกเรือนลงในที่ดินนั้น ต่อมาเจ้าของที่ดินนำที่ดินและเรือนไปขายฝากผู้อื่น ผู้ซื้อที่ดินจึงมาฟ้องผู้ขายและผู้รับซื้อฝากขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก ในที่สุดยอมความกันโดยให้ผู้ขายทำการไถ่ถอนที่ดินและเรือนคืน เพื่อไปโอนขายให้แก่ผู้ซื้อที่ดินดังนี้ย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องเดิมสิ้นไป คงได้สิทธิตามสัญญายอมความและเป็นการรับรองการขายฝากนั้น เมื่อครบกำหนด ผู้ขายไม่ไถ่และผู้ซื้อที่ดินไม่เข้าสวมสิทธิ ที่ดินและเรือนจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อฝาก และกรณีเช่นนี้ผู้ซื้อที่ดินจะมาฟ้องเรียกค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ ทั้งจะมาฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนนี้ พิจารณาพิพากษารวมกัน สำนวนแรกนางพาณีเป็นโจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับซื้อฝากที่ดินและเรือน 2 ชั้นกับครัวไฟไว้จาก ร.ต.ยิ่งเมื่อ 16 ก.ค. 97 กำหนดไถ่ 1 ปี ครั้น 14 ก.ค. 98 จำเลยฟ้อง ร.ต.ยิ่งกับโจทก์ต่อศาลกล่าวว่า ร.ต.ยิ่งทำสัญญารับมัดจำจะขายที่ดินให้จำเลย ๆ ได้เข้าปลูกเรือนอยู่ ร.ต.ยิ่งกับโจทก์สมยอมกันโดย ร.ต.ยิ่งเอาที่ดินและเรือนขายฝากโจทก์ในที่สุดโจทก์จำเลยและ ร.ต.ยิ่งได้ทำสัญญายอมความกันว่า ร.ต.ยิ่งยอมไถ่หรือซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคืนจากโจทก์มาโอนขายแก่จำเลยภายใน 2 เดือน และจำเลยต้องชำระราคาที่ค้างแก่ ร.ต.ยิ่งพ้นกำหนดร.ต.ยิ่งไม่ไถ่ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหลุดเป็นของโจทก์ จึงขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย

น.ส.บุษบงจำเลยให้การและเป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.ยิ่งและนางพาณีเป็นจำเลยใจความว่า เมื่อ 17 ก.ค. 96 ร.ต.ยิ่งทำสัญญาจะขายที่ดินให้ น.ส.บุษบง วางมัดจำไว้ 25,000 บาท ตกลงโอนใน 4 เดือนวันที่ 1 ธ.ค. 96 ร.ต.ยิ่งขอผัดโอนและให้ น.ส.บุษบงเข้าปลูกบ้านอยู่ได้ ต่อมา 16 ก.ค. 97 ร.ต.ยิ่งกับนางพาณีสมยอมกันโดยทำสัญญาขายฝาก นางพาณีรับซื้อไว้ เป็นเหตุให้ น.ส.บุษบงผู้อยู่ในฐานะจะจดทะเบียนสิทธิในที่ดินอยู่ก่อนเสียเปรียบและเสียหาย น.ส.บุษบงพร้อมที่จะชำระเงินค่าที่ดินที่ยังเหลือแก่ ร.ต.ยิ่งตามสัญญายอมแต่ ร.ต.ยิ่งไม่ไถ่ถอนโอนให้ น.ส.บุษบง ๆ บอกให้ ร.ต.ยิ่งและนางพาณีทราบ ก็เพิกเฉย เรือนที่สร้างเป็นเงิน 76,942 บาทโดยสุจริต หากถือว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของ ร.ต.ยิ่งหรือนางพาณีก็ให้ใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นเป็นเงิน 109,582 บาท ขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝาก แล้วให้ ร.ต.ยิ่งโอนกรรมสิทธิ์แก่ น.ส.บุษบง

ร.ต.ยิ่งให้การว่าฟ้องของ น.ส.บุษบงเป็นฟ้องซ้ำ และเรียกค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้

นางพาณีให้การว่าฟ้องของ น.ส.บุษบงเป็นฟ้องซ้ำ ร.ต.ยิ่งไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดจึงไม่มีสิทธิฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่ น.ส.บุษบงกับบริวารออกจากที่ดินและเรือนพิพาทและให้ค่าเสียหายแก่นางพาณีเดือนละ 500 บาท แต่พ.ย. 98 จนกว่าจะออกไป ยกฟ้องคดีที่ น.ส.บุษบงเป็นโจทก์

น.ส.บุษบงอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

น.ส.บุษบงฎีกา

ศาลฎีกาพิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่า น.ส.บุษบงกับนางพาณีและร.ต.ยิ่งเคยพิพาทกันในเรื่องที่ดินและเรือนพิพาท ในที่สุดได้ทำสัญญายอมความกันให้ ร.ต.ยิ่งไถ่ถอนการขายฝากหรือซื้อคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายพิพาทจากนางพาณีแล้วนำมาโอนขายให้แก่ น.ส.บุษบงภายใน 2 เดือน ย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องที่มีอยู่เดิมสิ้นไป คงได้สิทธิตามสัญญายอมความและเป็นการรับรองการขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างระหว่าง ร.ต.ยิ่งกับนางพาณี เมื่อ ร.ต.ยิ่งไม่ไถ่และน.ส.บุษบงไม่เข้าสรวมสิทธิของ ร.ต.ยิ่ง ที่ดินและเรือนพิพาทก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนางพาณี เมื่อเป็นเช่นนี้สิทธิที่จะได้ค่าที่ดินและโรงเรือนเพิ่มขึ้นย่อมระงับไปตามสัญญายอมความนั้นและน.ส.บุษบงเคยฟ้อง ร.ต.ยิ่งกับนางพาณีในเรื่องที่ดินและเรือนพิพาทจนทำสัญญายอมความและมีคำพิพากษาตามยอมระงับข้อพิพาทเด็ดขาดไปแล้วเช่นนี้ น.ส.บุษบงจึงมาฟ้องอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

Share