คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยในคดีอื่น แต่ปรากฏว่าในคดีอื่นนั้นจำเลยปฏิเสธโดยมีจำเลยอื่นรับสารภาพ ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลย โดยให้โจทก์แยกฟ้องเป็นคดีใหม่ เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่แล้ว โจทก์ไม่มีคำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโจทก์ในคดีใหม่ศาลย่อมพิพากษาให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีใหม่ไม่ได

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓, ๘๐ และนับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๙๓/๒๕๑๑ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ รับว่าเป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓, ๘๐ ให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามาตรา ๒๘๘, ๘๓ ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา ๙๐ จำคุกจำเลยที่ ๑ที่ ๒ที่ ๓ คนละ ๑๘ ปี นับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ต่อจากคดีแดงที่ ๔๖๐/๒๕๑๑และนับโทษจำเลยที่ ๒ ต่อจากคดีแดงที่ ๓๓๒/๒๕๑๑ ส่วนจำเลยที่ ๔ ให้ยกฟ้องปล่อยตัวไป ของกลางริบ
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้อง แต่การที่ศาลชั้นต้นให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ต่อจากคดีแดงที่ ๔๖๐/๒๕๑๑ ซึ่งโจทก์มิได้ขอให้นับโทษต่อจากคดีดังกล่าวนั้น เป็นการพิพากษาเกินคำขอ ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา แม้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ มิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยได้ พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นับโทษจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ ๔๖๐/๒๕๑๑ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา
โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ต่อจากคดีแดงที่ ๔๖๐/๒๕๑๑ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ต่อจากคดีแดงที่ ๔๖๐/๒๕๑๑ นั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่าคดีนี้โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ต่อจากคดีดำที่ ๒๙๓/๒๕๑๑ ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามนี้ร่วมกับจำเลยอื่นในข้อหาอื่นก่อนฟ้องคดีนี้ในการพิจารณาคดีดังกล่าว จำเลยที่ ๒ ในคดีนี้กับจำเลยอื่นรับสารภาพส่วนจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ในคดีนี้กับจำเลยอื่นปฏิเสธ ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยที่รับสารภาพเป็นคดีแดงที่ ๓๓๒/๒๕๑๑ส่วนจำเลยที่ปฏิเสธนั้นศาลได้สั่งจำหน่ายคดีและให้โจทก์ยกฟ้องเป็นคดีใหม่ ซึ่งต่อมาโจทก์ได้แยกฟ้องเป็นคดีดำที่ ๓๗๘/๒๕๑๑ โดยเมื่อแยกฟ้องแล้วจำเลยเหล่านี้กลับให้การรับสารภาพทุกคน ศาลพิพากษาลงโทษเป็นคดีแดงที่ ๔๖๐/๒๕๑๑ ในคดีนี้โจทก์มิได้ขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ต่อจากคดีแดงที่ ๔๖๐/๒๕๑๑ ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ จึงวินิจฉัยว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ปฏิเสธโดยให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่นั้นเป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๖และมีผลทำให้คำขอของโจทก์ในคดีนี้ที่ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีเดิมที่ได้จำหน่ายไปแล้วนั้นสิ้นสภาพไปด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่แล้ว หากโจทก์มีความประสงค์จะขอให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำเลยในคดีใหม่ดังกล่าว โจทก์ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอเช่นนั้นก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อโจทก์มิได้ปฏิบัติดังนี้ก็ไม่อาจนับโทษต่อตามข้อฎีกาของโจทก์ได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่นับโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ต่อจากคดีดำที่ ๓๗๘/๒๕๑๑ หมายเลขแดงที่ ๔๖๐/๒๕๑๑ จึงชอบด้วยวิธีพิจารณาแล้ว
พิพากษายืน

Share