คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีขอคืนทรัพย์สินตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลต้องมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินก่อน จึงจะมีคำสั่งในเรื่องของกลางได้
ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและมีคำสั่งคำร้องขอคืนของกลาง จึงไม่ชอบ ศาลชั้นต้นต้องรอฟังผลคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบของกลางก่อน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) (7) (12), 336 ทวิ, 83 และขอให้ริบรถยนต์เชือกไนล่อน 2 เส้น กระสอบป่าน 3 ใบ ของกลาง

ขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 ท-7255 นครราชสีมา ซึ่งเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2539 จำเลยที่ 2 ได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวไปจากผู้ร้อง ผู้ร้องไม่เคยรู้หรือร่วมรู้เห็นเป็นใจในการทำความผิดของจำเลยที่ 2 ขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางดังกล่าวแก่ผู้ร้อง

โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางและรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ผู้ร้องใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้คืนรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 1 ท-7255 นครราชสีมา ของกลางแก่ผู้ร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องถือเป็นกรณีขอคืนทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าววางหลักไว้ว่า ศาลต้องมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินก่อน จึงจะมีคำสั่งในเรื่องของกลางได้ คดีนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ไม่ปรากฏในสำนวนว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางแล้วฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนของกลาง และศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกคำร้องขอคืนของกลาง จึงไม่ชอบ

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรอฟังผลคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและขอให้ริบของกลางก่อน แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี

Share