คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ด้วยว่าหากการกระทำความผิดในคดีก่อนและคดีหลังมิใช่ความผิดต่อกฎหมายฉบับเดียวกัน แม้ผู้นั้นได้รับโทษจำคุกในคดีก่อน ศาลยังอาจพิพากษารอการลงโทษจำคุกคดีหลังได้ เมื่อปรากฏว่าคดีก่อนจำเลยได้รับโทษจำคุก การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยโดยให้เหตุผลว่า กรณีของจำเลยไม่อาจรอการลงโทษได้ จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 15, 67 และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย

จำเลยให้การรับสารภาพ ทั้งรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 วางโทษจำคุก 1 ปีเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตามมาตรา 97 กึ่งหนึ่ง รวมวางโทษจำคุก1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกจำเลย9 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี เมื่อลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ให้ยกคำขอเพิ่มโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า คดีก่อน จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 คดีนี้จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522แม้คดีก่อนจำเลยได้รับโทษจำคุก จำเลยก็ไม่ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขต้องห้ามมิให้รอการลงโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เห็นว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 บัญญัติว่า ในคดีที่ศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลมีอำนาจพิพากษารอการลงโทษได้ มิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ด้วยว่า หากการกระทำความผิดในคดีก่อนและคดีหลังมิใช่ความผิดต่อกฎหมายฉบับเดียวกัน แม้ผู้นั้นได้รับโทษจำคุกในคดีก่อน ศาลยังอาจพิพากษารอการลงโทษจำคุกคดีหลังได้ดังที่จำเลยกล่าวอ้างในฎีกา เมื่อปรากฏว่าคดีก่อนจำเลยได้รับโทษจำคุกการที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย โดยให้เหตุผลว่ากรณีของจำเลยไม่อาจรอการลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 จึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share