คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยออกเช็คของตนให้แก่โจทก์เพื่อแลกเปลี่ยนเอาเช็คของผู้อื่นซึ่งจำเลยสลักหลังไว้คืนมา เท่ากับเป็นการยอมตนเป็นลูกหนี้แทนลูกหนี้คนเดิมซึ่งยังผลให้จำเลยต้องผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อเช็คของจำเลยถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ต้องถือว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยจำเลยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษ

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนเช็ค จำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เดิมจำเลยเป็นผู้สลักหลังเช็คของผู้อื่นซึ่งออกให้ไว้แก่โจทก์ ต่อมาเช็คดังกล่าวขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยจึงออกเช็คของจำเลยให้แก่โจทก์เพื่อแลกเปลี่ยนเอาเช็คของผู้นั้นคืนมา เท่ากับเป็นการยอมตนเป็นลูกหนี้แทนลูกหนี้คนเดิมด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ในมูลหนี้เดิม ซึ่งยังผลให้จำเลยต้องผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องชำระหนี้แก่โจทก์ ดังนั้นการที่ต่อมาจำเลยออกเช็คให้โจทก์สับเปลี่ยนกับเช็คของจำเลยเองฉบับก่อน ๆ ในมูลหนี้เดียวกันดังกล่าวจึงเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์นั่นเอง เมื่อเช็คฉบับพิพาทที่จำเลยออกให้ไว้แก่โจทก์นำไปเรียกเก็บเงินไม่ได้การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง

พิพากษายืน

Share