คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3415/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์สินของสามีภริยาเมื่อยังไม่ได้แบ่งกันมีสภาพเป็นทรัพย์สินซึ่งสามีภริยาเป็นเจ้าของรวม และการแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมนั้นอาจกระทำได้โดยแบ่งทรัพย์สินนั้นกันเองหรือโดยขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน แม้จะไม่ทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อกันก็ฟ้องร้องให้บังคับคดีได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อแบ่งทรัพย์สินตามที่ตกลงแบ่งกัน เมื่อหย่า แม้คำฟ้องจะไม่ได้บรรยายว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องที่ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้หย่าขาดกันถูกต้องตามกฎหมาย และได้ตกลงแบ่งทรัพย์สินกันแต่จำเลยยังไม่ได้ส่งมอบทรัพย์สินบางอย่างที่ตกลงแบ่งให้โจทก์ โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยก็ไม่ยอมชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยโอนและส่งมอบทรัพย์สินให้แก่โจทก์หรือมิฉะนั้นให้ใช้ราคาเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ในวันจดทะเบียนหย่าจำเลยไม่เคยตกลงยกทรัพย์สินของจำเลยตามฟ้องให้โจทก์ จำเลยได้โอนทรัพย์สินให้โจทก์เกินกว่าสิทธิที่โจทก์จะได้รับโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกจากจำเลยอีก ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมคือไม่แสดงหลักฐานการตกลงยกให้หากมีมาพร้อมฟ้องและฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้องและคำให้การแล้วเห็นว่าคดีพอจะวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน มีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยหรือตัวแทนมาแสดงและจำเลยก็ให้การต่อสู้ในเรื่องนี้อยู่ จึงฟ้องบังคับจำเลยหาได้ไม่พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่บรรยายในคำฟ้องว่า สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยหรือตัวแทนของจำเลยฟ้องของโจทก์จึงขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์จำเลยแบ่งทรัพย์กันเมื่อหย่ากันแล้ว ทรัพย์สินของโจทก์จำเลยเมื่อยังมิได้แบ่งกันย่อมมีสภาพเป็นทรัพย์สินซึ่งโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของรวม การแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 วรรคแรกบัญญัติว่า “การแบ่งทรัพย์สินพึงกระทำได้โดยแบ่งทรัพย์สินนั้นเองระหว่างเจ้าของรวม หรือโดยขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน” เห็นได้ว่าการแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมอาจกระทำได้โดยแบ่งทรัพย์นั้นเองระหว่างเจ้าของรวม เช่น ต่างเข้าครอบครองทรัพย์สินเป็นส่วนสัด โอนหรือส่งมอบทรัพย์สินที่ครอบครองให้แก่กันหรือสละสิทธิการครอบครองให้แก่กันเป็นต้น หรือโดยการขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกันก็ได้ ตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้บังคับว่าจะต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อกันจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ตามคำฟ้องโจทก์ปรากฏว่าโจทก์จำเลยได้แบ่งทรัพย์สินกันโดยมีการโอนหรือส่งมอบทรัพย์สินบางอย่างให้แก่กัน การแบ่งทรัพย์สินในลักษณะดังกล่าวหาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อกันไม่ และถ้าการแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็เป็นเพียงพยานหลักฐานซึ่งโจทก์ย่อมจะอ้างหรือนำมาสืบแสดงในชั้นพิจารณาเพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตนได้โดยหาจำต้องกล่าวบรรยายมาในคำฟ้องไม่ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ได้ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแต่อย่างใด เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองแล้ว

พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share