คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับมาในเวลากลางคืนลากจูงรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มคอนกรีตยาวประมาณ 25 เมตรมาด้วย 2 ต้นไม่มีสัญญาณไฟตามแนวความยาวของเสาเข็ม เมื่อรถลากจูงเลี้ยวขวาจากถนนหนึ่งเข้าอีกถนนหนึ่งไปแล้ว ตัวรถพ่วงเสาเข็มยังทะแยงขวางถนนอยู่เป็นเหตุให้รถจี๊ปตรวจการณ์ปะทะกับส่วนกลางของเสาเข็มถูกลากติดไปกับส่วนหน้าของรถพ่วงและอัดติดอยู่ใต้เสาเข็มผู้ตายซึ่งนั่งมาในรถจี๊ปถึงแก่ความตายทันที ดังนี้เป็นความประมาทของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 รับว่าจำเลยที่ 1 รับเหมาขนเสาเข็มโดยใช้รถของห้างจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ยังได้ไปตกลงเรื่องค่าเสียหายกับฝ่ายโจทก์ หุ้นส่วนคนหนึ่งของจำเลยที่ 2 เบิกความว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 บรรทุกเสาเข็มไปส่งให้แก่ลูกค้าในวันเกิดเหตุเช่นนี้ ย่อมฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นภรรยานายสมบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ที่ 2 เป็นบุตรนายสมบัติ โจทก์ที่ 3 ที่ 4 เป็นบิดามารดานายสมบัติ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2520 เวลาประมาณ 19.00 น. จำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1 ล.-1469 ซึ่งเป็นรถลากจูงรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มคอนกรีต 2 ต้นยาวประมาณ 25 เมตร หนักประมาณต้นละ 8 ตัน จากโรงงานของจำเลยที่ 2 เพื่อนำไปส่งลูกค้าที่สะพานเจริญนครด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยบังอาจขับรถลากจูงรถพ่วงเสาเข็มในเวลากลางคืน โดยไม่ติดตั้งไฟสัญญาณตามแนวความยาวของเสาเข็มและรถพ่วงที่บรรทุกส่วนปลายของเสาเข็มก็ไม่มีไฟสัญญาณส่องให้คนขับรถอื่นมองเห็นเสาเข็มที่บรรทุกอยู่บนรถ เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถดังกล่าวมาตามถนนสายสามแยกสะพานนนทบุรี-ปทุมธานี ซึ่งเป็นทางโทมาถึงสามแยกสะพานนนทบุรีได้เลี้ยวขวาเข้าถนนติวานนท์ซึ่งเป็นทางเอกเพื่อจะไปห้าแยกปากเกร็ด จำเลยที่ 1 ไม่หยุดรอให้รถทางตรงและทางเอกซึ่งขับมาตามถนนติวานนท์ผ่านไปก่อน และได้ขับรถคันดังกล่าวเลี้ยวขวาตัดหน้ารถยนต์จี๊ปตรวจการณ์ คันหมายเลขทะเบียน ก.ท. อ-11-1121 ซึ่งขับมาตามถนนติวานนท์มุ่งหน้าไปทางสะพานรังสิต เมื่อส่วนหัวของรถลากจูงเลี้ยวขวาเข้าถนนติวานนท์อยู่ในลักษณะตั้งตรงได้แล้ว แต่รถพ่วงและเสาเข็มที่มีความยาวถึง 25 เมตร ยังคงทะแยงขวางถนนติวานนท์อยู่ เป็นเหตุให้ส่วนกลางของเสาเข็มปะทะกับกระจกบังลมของรถจี๊ปตรวจการณ์แล้วรถลากจูงเสาเข็มได้ลากรถจี๊ปตรวจการณ์ครูดไปทางขวาไปติดส่วนหน้าของรถพ่วง เป็นเหตุให้นายสมบัติซึ่งนั่งมาในรถจี๊ปถึงแก่ความตายทันที การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้ง 4 ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสี่

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวนหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ทั้งสี่

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความประมาทของจำเลยที่ 1 แต่เป็นความประมาทของฝ่ายโจทก์และว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับมานั้นลากจูงรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มมาด้วย รถพ่วงนั้นมีความยาวมากไม่มีไฟสัญญาณไฟตามแนวความยาวของเสาเข็มเมื่อรถลากจูงเลี้ยวขวาเข้าถนนติวานนท์ไปแล้ว ตัวรถพ่วงเสาเข็มยังทะแยงขวางถนนอยู่เป็นเหตุให้รถจี๊ปตรวจการณ์ปะทะกับส่วนกลางของเสาเข็มถูกลากติดไปกับส่วนหน้าของรถพ่วงและอัดติดอยู่ใต้เสาเข็มจึงเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่มีพยานสืบหักล้างแม้จะมีพยานให้การไว้ในสำนวนการสอบสวน แต่จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้นำมาสืบในชั้นศาลไม่อาจรับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้

สำหรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 เบิกความรับว่า จำเลยที่ 1 รับเหมาขนเสาเข็มดังกล่าวโดยใช้รถของห้างจำเลยที่ 2 และในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ยังได้ไปตกลงเรื่องค่าเสียหายกับฝ่ายโจทก์ แต่ตกลงกันไม่ได้หุ้นส่วนคนหนึ่งของจำเลยที่ 2 ให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 บรรทุกเสาเข็มไปส่งให้ลูกค้าในคืนเกิดเหตุ จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2

พิพากษายืน

Share