แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกให้ปฏิบัติตามหน้าที่เมื่อระหว่างพิจารณาจำเลยถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกจำเลยย่อมไม่มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดการทรัพย์มรดกต่อไปศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำขอบังคับของโจทก์ได้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยและมีคำพิพากษาตามคำขอบังคับของโจทก์ต่อไปให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ใน ฐานะ ผู้จัดการมรดก ไม่ แบ่ง ที่ดิน ให้ แก่ทายาท ขอให้ บังคับ จำเลย แบ่ง ที่ดิน ดังกล่าว ให้ แก่ โจทก์ หนึ่งใน สี่ ส่วน โดย หัก ที่ดิน ที่ โจทก์ ครอบครอง เนื้อที่ ประมาณ 100 ตารางวาออก ก่อน หาก การ แบ่งปัน ดังกล่าว ไม่อาจ กระทำ ได้ ให้ ประมูล ระหว่างทายาท หรือ นำ ออก ขายทอดตลาด เอา เงิน ที่ ได้ แบ่ง ให้ โจทก์ หนึ่ง ใน สี่ ส่วน
จำเลย ยื่นคำให้การ ขอให้ ยกฟ้อง
ระหว่าง พิจารณา คดี ของ ศาลชั้นต้น จำเลย ถูก ศาลชั้นต้น พิพากษาให้ ถอน จาก การ เป็น ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตาย และ คดี ดังกล่าว ถึงที่สุดแล้ว ตาม สำนวน คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 301/2534 ของ ศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง โดย ไม่ ตัด สิทธิ โจทก์ ที่ จะ นำ คำฟ้องมา ยื่น ใหม่
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ให้ จำหน่ายคดี เสีย จาก สารบบความ
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “เห็นว่า กรณี ตาม ฟ้อง เป็น เรื่อง ที่ โจทก์กล่าวอ้าง ว่า จำเลย ซึ่ง เป็น ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตาย ตาม คำสั่งศาลชั้นต้น ซึ่ง มี หน้าที่ แบ่งปัน ทรัพย์มรดก ของ ผู้ตาย ให้ แก่ โจทก์และ ทายาท อื่น แต่ จำเลย ไม่ยอม แบ่งปัน ทรัพย์มรดก จึง เป็น การ ฟ้องบังคับ จำเลย ใน ฐานะ ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตาย ที่ แต่งตั้ง ขึ้น โดยคำสั่ง ของ ศาลชั้นต้น ให้ ปฏิบัติ ตาม หน้าที่ มิใช่ ฟ้อง จำเลย เป็นส่วนตัว ใน ฐานะ ทายาทโดยธรรม ของ ผู้ตาย ที่ ครอบครอง ทรัพย์มรดกไว้ ดังนี้ เมื่อ ข้อเท็จจริง ปรากฏว่า ระหว่าง พิจารณา คดี ของ ศาลชั้นต้นจำเลย ถูก ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ ถอน จาก การ เป็น ผู้จัดการมรดก ของผู้ตาย และ คดี ดังกล่าว ถึงที่สุด แล้ว ตาม สำนวน คดีแพ่ง หมายเลขแดงที่ 301/2534 ของ ศาลชั้นต้น จำเลย ย่อม ไม่มี อำนาจ และ หน้าที่ใน การ จัดการ ทรัพย์มรดก ของ ผู้ตาย ต่อไป ศาล ย่อม ไม่อาจ บังคับ ให้จำเลย ซึ่ง มิได้ อยู่ ใน ฐานะ ผู้จัดการมรดก ของ ผู้ตาย ปฏิบัติ ตาม คำขอบังคับ ของ โจทก์ ได้ กรณี ย่อม ไม่มี ประโยชน์ ที่ จะ วินิจฉัย และ มีคำพิพากษา ตาม คำขอบังคับ ของ โจทก์ อีก ต่อไป ที่ ศาลอุทธรณ์ จำหน่ายคดีของ โจทก์ นั้น ชอบแล้ว กรณี ไม่จำต้อง วินิจฉัย ฎีกา ของ โจทก์ประการอื่น อีก ”
พิพากษายืน