แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรกได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วว่าให้ศาลยกฟ้องเสียจึงจะนำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการทิ้งฟ้องมาใช้บังคับในกรณีนี้หาได้ไม่ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดีจึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้เลื่อนวันนัดไต่สวนมูลฟ้องไปแล้วโจทก์จึงไม่ขาดนัด แต่เห็นว่าผลของคำสั่งนั้นถูกต้องแล้วเพราะศาลชั้นต้นให้เวลาโจทก์สืบหาที่อยู่ของจำเลยตามที่ขอจนครบกำหนดแล้วโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดจึงต้องถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ชอบเฉพาะแต่เหตุที่อ้างส่วนผลของคำสั่งถูกต้องแล้ว จึงเป็นการยกเหตุอื่นขึ้นมาอ้างแล้วพิพากษายืน ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาเพราะเหตุที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างดังกล่าวหาได้เป็นประเด็นขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ไม่ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ปรากฏว่าส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์ยื่นคำร้องขอเวลาสืบหาที่อยู่ของจำเลยศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องไปจนกว่าโจทก์จะมาแถลงต่อศาลภายในเวลาที่กำหนด ครั้นถึงกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องที่นัดไว้เดิมซึ่งศาลได้สั่งเลื่อนไปแล้ว เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุ ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดีเพราะโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุ เป็นการอ้างเหตุผิดไป แต่ผลของคำสั่งนั้นถูกต้องแล้วเพราะศาลชั้นต้นให้เวลาโจทก์สืบหาที่อยู่ของจำเลยตามที่ขอจนครบกำหนดแล้ว โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด จึงต้องถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้นในผล พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดี ก็โดยเชื่อตามรายงานเจ้าหน้าที่ที่รายงานว่า โจทก์ทราบนัดแล้วไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องซึ่งไม่ถูกต้องต่อความเป็นจริง เพราะในวันดังกล่าวศาลได้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องไปแล้ว โจทก์จึงหาได้ขาดนัดไม่ และในกรณีที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรกก็ได้บัญญัติไว้แล้วว่าให้ศาลยกฟ้องเสียเมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วเช่นนี้จะนำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการทิ้งฟ้องมาใช้บังคับหาได้ไม่ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า “โจทก์ไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดี”จึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่ชอบแต่เหตุที่อ้าง ส่วนผลของคำสั่งถูกต้องแล้ว จึงยกเหตุอื่นขึ้นมาอ้างแล้วพิพากษายืนนั้น จึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาเช่นกัน ทั้งเหตุที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างดังกล่าวก็หาได้เป็นประเด็นขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป