คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การตัดฟันไม้หวงห้ามกับการมีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน. แม้จะยังมิได้เคลื่อนย้าย ไม้หวงห้ามนั้นจากที่ได้ตัดฟันไปไว้ที่อื่นก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2524 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์2524 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน จำเลยบุกรุกเข้าไปในบริเวณป่าโครงการไม้กระยาเลย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน จำเลยแผ้วถางก่นสร้างและเผาป่าอันเป็นการทำลายป่า แล้วยึดถือครอบครองปลูกสร้างบ้านลงในบริเวณที่ก่นสร้าง ในการนี้จำเลยได้ตัดฟันไม้กราดอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.ตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 อันดับที่ 129จำนวน 4 ต้น ปริมาตร 7.61 ลูกบาศก์เมตร และจำเลยบังอาจมีไม้หวงห้ามจำนวนดังกล่าวอันเป็นไม้หวงห้ามที่ยังมิได้แปรรูป และไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายไว้ในความครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 54, 69, 72 ตรี, 73,74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 22 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2522 มาตรา 3, 7, 9 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11พ.ศ. 2514 ข้อ 2 ริบของกลาง และให้จำเลยกับบริวารออกไปจากป่าด้วย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 54, 69, 72 ตรี, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 6 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518มาตรา 22 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 3, 7, 9,พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514 ข้อ 2 ลงโทษฐานแผ้วถางป่าจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานตัดฟันไม่จำคุก 2 ปีปรับ 10,000 บาท และฐานมีไม้หวงห้ามอันยังไม่แปรรูปไว้ในความครอบครองจำคุก 2 ปี ปรับ 12,000 บาท รวมจำคุก 4 ปี 6 เดือน ปรับ 24,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 3 เดือน ปรับ 12,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ของกลางริบ หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการความประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 และให้จำเลยและบริวารออกจากป่าด้วย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ความผิดฐานตัดฟันไม้หวงห้ามกับมีไม้หวงห้ามที่ตนตัดไว้ในครอบครองเป็นความผิดต่างกรรมกัน ส่วนความผิดฐานแผ้วถางป่ากับตัดฟันไม้หวงห้ามในระหว่างวันเวลาเดียวกันเป็นการกระทำกรรมเดียวแต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานตัดฟันไม้หวงห้ามซึ่งเป็นบทหนัก พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยฐานตัดฟันไม้หวงห้าม โดยมิได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท กับฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองจำคุก 2 ปี ปรับ12,000 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 22,000 บาท ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี ปรับ 11,000 บาท โทษจำคุกรอไว้มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ความผิดฐานตัดฟันไม้หวงห้ามและฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองเป็นความผิดกรรมเดียวกัน

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการตัดฟันไม้หวงห้ามเป็นความผิดกรรมหนึ่งและเมื่อจำเลยตัดฟันสำเร็จลงแล้ว แม้จะยังมิได้เคลื่อนย้ายไม้หวงห้ามนั้นไปไว้ที่อื่น แต่เมื่อจำเลยได้ครอบครองไม้หวงห้ามนั้นต่อมา ก็เป็นความผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองอีกกรรมหนึ่งซึ่งศาลต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share