คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีฟ้องภรรยาเป็นจำเลยขอหย่าต่อศาลแพ่ง จำเลยฟ้องแย้งขอให้ศาลเพิกถอนอำนาจปกครองบุตรของโจทก์ให้เป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว ดังนี้ แม้ศาลแพ่งซึ่งพิพากษาคดีฟ้องหย่าจะมีอำนาจชี้ขาดว่าใครเป็นผู้สมควรปกครองบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1502 วรรค 2 ด้วยก็จริง แต่ฟ้องแย้งที่ขอให้ศาลสั่งให้อำนาจปกครองบุตรอยู่แก่จำเลยซึ่งเป็นมารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1538(6) นั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 163 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2515 ข้อ 1 บัญญัติให้คดีแพ่งที่ฟ้องศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์ ซึ่งจะต้องบังคับใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชน ศาลแพ่งไม่มีอำนาจรับฟ้องแย้งไว้พิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นภรรยาและมีบุตรยังเป็นผู้เยาว์ด้วยกัน 1 คน จำเลยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หมิ่นประมาทโจทก์ และกระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความสัมพันธ์แห่งการเป็นคู่ครอง ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดกัน และให้บุตรผู้เยาว์อยู่ในอำนาจปกครองของโจทก์

จำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องแย้ง โดยฟ้องแย้งข้อหนึ่ง ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนอำนาจปกครองบุตรของโจทก์ ให้ตกเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว

ศาลชั้นต้น (ศาลแพ่ง) รับคำให้การและฟ้องแย้งไว้แล้ว ครั้นในวันชี้สองสถานเห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนอำนาจปกครองของโจทก์ให้ตกเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวนั้น จำเลยจะฟ้องที่ศาลแพ่งไม่ได้เพราะจำเลยไม่ได้ฟ้องหย่าด้วย ตกอยู่ในอำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางที่จะพิจารณาพิพากษา ที่ศาลรับฟ้องแย้งโจทก์นี้ไว้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดพลาด จึงเพิกถอนคำสั่งที่รับฟ้องแย้งข้อหาฐานนี้เป็นไม่รับ จำหน่ายคดีจำเลยเฉพาะข้อหาฐานนี้ ให้จำเลยไปฟ้องยังศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่า เมื่อโจทก์ฟ้องหย่าแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะฟ้องแย้งในศาลเดิมขออำนาจปกครองบุตรมาด้วยได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1502 วรรค 2 จะมีความหมายว่า ศาลที่พิพากษาคดีฟ้องหย่ามีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าใครเป็นผู้สมควรปกครองบุตรได้ก็จริงแต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1537 วรรค 2 ก็บัญญัติให้อำนาจปกครองบุตรอยู่แก่บิดา อำนาจปกครองจะอยู่แก่มารดาได้ต่อเมื่อมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538 และโดยเฉพาะในกรณีตามมาตรา 1538(6) ที่ศาลสั่งให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดา นั้น ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 163 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2515 ข้อ 1 ให้คดีแพ่งที่ฟ้องเกี่ยวกับผู้เยาว์ซึ่งจะต้องบังคับใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชน ฉะนั้น ฟ้องแย้งที่ขอให้เพิกถอนอำนาจปกครองบุตรของโจทก์ผู้เป็นบิดา โดยให้ตกเป็นของจำเลยผู้เป็นมารดาจึงเป็นคำฟ้องที่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง

Share