คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2511/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อทั้งโจทก์และจำเลยต่างสมัครใจตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกันแล้ว โจทก์จะมาขอให้ศาลบังคับเรียกค่าปรับจากจำเลยและขอให้จำเลยจัดการโอนที่ดินพิพาทขายให้แก่โจทก์ในภายหลังอีกหาได้ไม่
จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายเพราะต้องถูกริบเงินมัดจำตามสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกแก่บุคคลภายนอกซึ่งเป็นค่าเสียหายพิเศษที่โจทก์ไม่อาจจะคาดคิดหาได้ไม่
ดอกเบี้ยที่จำเลยต้องเสียให้แก่ธนาคาร ไม่ว่าจะมีการเลิกสัญญาซื้อขายที่พิพาทหรือไม่นั้น มิใช่ค่าเสียหายโดยตรงอันเนื่องมาจากการผิดสัญญาอันจำเลยจะเรียกร้องจากโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์พร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยจะขายแบบปลอดจำนอง ต่อมาจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิให้ ขอให้ศาลขับไล่จำเลย ให้จำเลยใช้ค่าปรับ 50,000 บาทตามที่กำหนดในสัญญาพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้จัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนอง หากจำเลยไม่ไถ่ถอนจำนอง ก็ให้โจทก์มีสิทธิไถ่ถอนโดยหักจากเงินค่าที่ดินที่ค้างชำระ

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญา โจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญากันแล้ว จำเลยเสียอีกเป็นฝ่ายเสียหาย เพราะหลังจากทำสัญญากันแล้ว จำเลยได้ไปตกลงรับโอนสิทธิการเช่าตึกแห่งใหม่ไว้ได้วางมัดจำไว้ 10,000 บาท ต่อมาโจทก์กลับเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่รับซื้อที่ดินพิพาทภายในกำหนด ทำให้จำเลยถูกริบมัดจำดังกล่าวและจำเลยต้องเสียดอกเบี้ยจำนองให้แก่ธนาคารเพิ่มขึ้น ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระค่าเสียหายจนกว่าจะรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทไปจากจำเลย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ไม่เคยบอกเลิกสัญญากับจำเลยโจทก์ไม่รับรองเรื่องจำเลยถูกริบมัดจำการโอนสิทธิการเช่าตึกใหม่และโจทก์ไม่เคยทราบว่าจำเลยจะต้องเสียดอกเบี้ยเรื่องจำนองอย่างไร

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ให้จำเลยและบริวารขนย้ายออกไปจากที่พินพิพาท และจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์โดยปลอดจำนอง หากจำเลยไม่ยอมไถ่ถอน ก็ให้โจทก์มีสิทธิไถ่ถอนจำนองได้โดยหักจากเงินค่าที่ดินที่ค้างชำระ ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยใช้ค่าปรับแก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ กับให้ยกฟ้องแย้งจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญา โจทก์จำเลยสมัครใจเลิกสัญญากันเองโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดเรื่องค่าเสียหาย พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องของโจทก์เสียด้วยแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ในการดำเนินคดีในผลแห่งการเลิกสัญญา นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ทั้งโจทก์และจำเลยสมัครใจเลิกสัญญากันแล้ว แล้ววินิจฉัยว่า เมื่อเลิกสัญญาแล้วโจทก์จะมาขอให้ศาลบังคับเรียกค่าปรับจากจำเลยและขอให้จำเลยจัดการโอนที่ดินพิพาทขายให้แก่โจทก์ในภายหลังอีกหาได้ไม่ ที่จำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายนั้นเป็นค่าเสียหายพิเศษที่โจทก์ไม่อาจจะคาดคิดได้ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดส่วนเรื่องที่จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารนั้น ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องเสียให้แก่ธนาคารอยู่แล้ว ไม่ว่าจะได้มีการผิดสัญญากันหรือไม่ จึงไม่ใช่เป็นค่าเสียหายโดยตรงอันเนื่องมาจากการผิดสัญญา โจทก์ไม่ต้องรับผิด

พิพากษายืน

Share