แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับขนของของโจทก์จากประเทศไทยไปยังประเทศฟิลิปปินส์โดยทางเรือเป็นสัญญาในการรับขนของทางทะเล ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคท้ายได้บัญญัติไว้ว่า “รับขนของทางทะเล ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้น” แต่ในปัจจุบันนี้กฎหมายและกฎข้อบังคับของประเทศไทยว่าด้วยการรับขนของทางทะเลยังไม่มี และบทบัญญัติเรื่องอายุความ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ได้บัญญัติไว้แล้วว่า ” อันอายุความนั้น ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ท่านให้มีกำหนด 10ปี” ฉะนั้นอายุความฟ้องร้องกรณีนี้จึงต้องใช้กำหนด 10ปี (ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1583/2511)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเป็นผู้รับจ้างซ่อมเครื่องยนต์ไลคอมมิ่งของเครื่องบินควีนแอร์ ให้กรมชลประทานในอัตราค่าจ้าง 132,000.00 บาท ในการนี้โจทก์ต้องส่งเครื่องยนต์ไปซ่อมที่ฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ ประเทศฟิลิปปินส์ และโจทก์ได้ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยเป็นผู้ขนส่งนำเครื่องยนต์รายนี้ไปซ่อมที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยกรมชลประทานในฐานะตัวแทนโจทก์เป็นผู้ส่งในอัตราค่าส่ง 1,037.50 บาท และจำเลยตกลงรับขนส่ง ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรมีตามวิสัยและพฤติการณ์ของจำเลย จำเลยหาได้นำเครื่องยนต์ดังกล่าวไปส่งที่ประเทศฟิลิปปินส์ตามที่ตกลงกันไม่ โจทก์เพิ่งทราบเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2510 ว่า จำเลยได้ขนส่งเครื่องยนต์พิพาทไปลงที่สหรัฐอเมริกา เป็นการผิดสัญญา บัดนี้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพใช้การไม่ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องซื้อเครื่องยนต์เครื่องบินในสภาพคล้ายและใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เครื่องบินที่จำเลยนำไปซ่อมและไม่ส่งคืนชดใช้ให้กับกรมชลประทานเป็นราคาเครื่องยนต์ 6,853 เหรียญอเมริกัน ซึ่งเท่ากับเงินไทย 142,540 บาท และเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าขนส่งอีก 2,000 บาท และโจทก์ยังต้องเสียค่าปรับให้แก่กรมชลประทานเป็นรายวันวันละ 44 บาท เพราะส่งเครื่องยนต์ที่ซ่อมให้ไม่ได้ตามสัญญา นับตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2510 ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2511 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ส่งมอบเครื่องยนต์เครื่องบินใหม่ให้กับกรมชลประทานรวม 310 วัน เป็นเงิน 13,640 บาท รวมค่าเสียหายทั้งสิ้นเป็นเงิน 158,180 บาท โจทก์ทวงถามแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยใช้เงิน 158,180 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เป็นนิติบุคคล นายสมศักดิ์ เจริญลาภและนายเจิม ภูมิจิตร ไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะจำเลยไม่ใช่คู่สัญญากับโจทก์ ผู้ส่งคือกรมชลประทานมิใช่โจทก์ จำเลยไม่ได้กระทำประมาทปราศจากความระมัดระวังการขนส่งสินค้าขึ้นลง ณ ท่าในต่างประเทศเป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือในประเทศนั้น ๆ จำเลยไม่ได้เป็นผู้กระทำและจำเลยปฏิบัติการถูกต้องตามใบตราส่งแล้วทุกประการ โดยจำเลยได้จัดส่งหีบห่อของโจทก์ที่มีเครื่องหมายว่า ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ นครมนิลา ตามที่ปรากฏในใบตราส่งให้แก่ผู้รับตราส่ง คือ ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ ที่นครมนิลาโดยถูกต้องสินค้าที่บรรจุอยู่ในหีบห่อดังกล่าวจะใช้เครื่องยนต์ไลคอมมิ่งตามฟ้องของโจทก์หรือไม่ หาใช่หน้าที่ของจำเลยที่จะต้องรับรู้เพราะโจทก์เป็นผู้จัดการบรรจุสินค้าลงในหีบห่อปิดฝาเรียบร้อยแล้วระบุเครื่องหมายและชื่อที่อยู่ผู้รับตราส่งลงบนหีบห่อเสร็จ จึงนำมามอบให้แก่จำเลยบรรทุกเรือ โจทก์เป็นฝ่ายบรรจุสินค้าลงหีบห่อผิดเองจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคดีของโจทก์ขาดอายุความ โจทก์มิได้เสียหายดังฟ้อง ที่โจทก์อ้างว่าได้ไปซื้อเครื่องยนต์อื่นให้แก่กรมชลประทานนั้น จำเลยขอปฏิเสธ หากซื้อจริงก็ไม่เท่าราคาที่ฟ้อง และโจทก์ไม่อาจนำเอาค่าปรับตามสัญญาระหว่างโจทก์กับกรมชลประทานมาเรียกร้องเอากับจำเลยได้ ทั้งโจทก์มิได้ถูกปรับตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า เครื่องยนต์พิพาทมีราคาเท่าใดและราคาเครื่องยนต์ที่โจทก์ซื้อเปลี่ยนให้กรมชลประทานนั้นจะมีราคาสูงต่ำเหลื่อมล้ำกันเท่าใด ศาลจึงไม่อาจคำนวณให้ได้ และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าขนส่ง 2,000 บาทจากจำเลย จำเลยคงรับผิดชอบเฉพาะค่าปรับ 310 วัน เป็นเงิน 13,640 บาท พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 13,640 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะใช้เงินให้โจทก์เสร็จ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเครื่องยนต์ที่โจทก์ซื้อให้กรมชลประทานราคา 142,540 บาท และค่าใช้จ่าย 2,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การส่งสินค้าผิดพลาดเกิดจากความผิดของโจทก์ จำเลยไม่ต้องรับผิดและคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ โจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย จึงมีสิทธิฟ้องจำเลย การขนส่งสินค้าผิดพลาดเป็นความผิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้แก่ราคาเครื่องยนต์ที่โจทก์ซื้อใช้แทนให้แก่กรมชลประทานเป็นเงิน 142,540 บาท แต่ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์ถูกกรมชลประทานปรับ ส่วนค่าขนส่งอีก 2,000 บาทนั้น โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าได้เสียไปจริง พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้จำเลยใช้ค่าเสียหายราคาเครื่องยนต์ที่โจทก์ซื้อใช้แทนกรมชลประทานเป็นเงิน 142,540 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ได้ทราบเรื่องจากผู้รับตราส่งว่า เครื่องยนต์พิพาทมิได้อยู่ในหีบห่อที่ได้รับไว้ที่มนิลา ฟิลิปปินส์ และโจทก์ทำหนังสือแจ้งมายังจำเลยเพื่อให้จำเลยรับผิดในความสูญหายของเครื่องยนต์รายนี้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2510 แต่โจทก์เพิ่งมาฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2511 ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อพิพาทในคดีนี้เป็นกรณีเรื่องการรับขนของจากประเทศไทยไปยังประเทศฟิลิปปินส์โดยทางเรือ อันเป็นสัญญาในการรับขนของทางทะเล ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคท้ายได้บัญญัติไว้ว่า “รับขนของทางทะเล ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้น” แต่ในปัจจุบันนี้กฎหมายและกฎข้อบังคับของประเทศไทยว่าด้วยการรับขนของทางทะเลยังไม่มีส่วนมาตรา 624 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่จำเลยอ้างมาในฎีกาว่าได้บัญญัติห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนั้น มิใช่กฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเล และบทบัญญัติสำหรับเรื่องอายุความนี้ก็ได้มีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 บัญญัติไว้แล้วว่า”อันอายุความนั้น ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ท่านให้มีกำหนด 10 ปี” ฉะนั้นอายุความฟ้องร้องคดีนี้จึงต้องใช้กำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 จะนำมาตรา 624 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับใช้แก่การฟ้องร้องของโจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1583/2511 ฟ้องของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
ข้อที่จำเลยต่อสู้และฎีกาขึ้นมาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟังว่าบริษัทโจทก์เป็นคู่สัญญาในการขนส่งเครื่องยนต์พิพาทกับบริษัทจำเลยผู้ขนส่งโดยตรง โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้และฟังว่าโจทก์ได้รับความเสียหายที่ไม่สามารถส่งเครื่องยนต์พิพาทคืนให้แก่กรมชลประทานตามสัญญาได้ และโจทก์ต้องเสียเงินค่าซื้อเครื่องยนต์เครื่องบินใหม่ในสภาพที่คล้ายและใกล้เคียงกับเครื่องยนต์พิพาทเพื่อชดใช้แทนเครื่องยนต์พิพาทให้แก่กรมชลประทานในราคา 142,540 บาท จำเลยต้องรับผิดสำหรับค่าเสียหายดังกล่าวนี้ต่อโจทก์
พิพากษายืน