แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองกับพวกใช้ปืนขู่เอาช้าง 2เชือกจากควาญช้าง แล้วบังคับให้ควาญช้าง 2 คนนั้นขี่ช้าง คนละเชือกจำเลยทั้งสองไล่ช้างให้เดินไป เมื่อไปได้ 2 กิโลเมตร จำเลยทั้งสองกับพวกให้ควาญช้างล่ามช้างไว้กับต้นไม้ จำเลยที่ 2 ใช้ผ้าขาวม้ามัดข้อมือควาญช้างทั้งสองคนติดกัน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้ปืนยิงช้างทีละเชือกเมื่อช้างตายจำเลยทั้งสองกับพวกใช้มีดชำแหละเอางาช้างไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ โดยข้อ 14ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิมศาลฎีกาต้องลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 3 คน ร่วมกันปล้นช้าง 2 เชือกของนายขอม โดยจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนจะยิงนายสมพงษ์และนายเขียวผู้ดูแลรักษาช้าง และใช้อาวุธปืนยิงช้างทั้งสองเชือกเพื่อเป็นความสะดวกในการปล้นทรัพย์ พาเอาทรัพย์ไป และเพื่อให้พ้นจากการจับกุมขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 70,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ให้จำคุกคนละ 20 ปี ลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก (คนละ) 13 ปี 4 เดือน ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 70,000 บาทให้เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดเพราะถูกนายเสน่ห์บังคับจนไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ และการกระทำของจำเลยไม่เกินสมควรแก่เหตุ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67จำเลยไม่ต้องรับโทษ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุราว 15 วัน นายขอมเจ้าของช้างได้ใช้ให้นายสมพงษ์กับนายเขียวควาญช้าง นำช้าง 2 เชือกไปลากไม้ในป่า วันเกิดเหตุคนทั้งสองออกจากที่พักจะไปดูช้างที่ล่ามไว้ข้างคลอง พบจำเลยทั้งสองกับนายเสน่ห์และชายอีก 3 คน ถือปืนคนละกระบอก ทั้ง 6 คนเอาปืนจี้นายสมพงษ์และนายเขียวให้พาไปเอาช้างเมื่อแก้โซ่ล่ามช้างแล้ว จำเลยที่ 2 ก็บังคับให้นายสมพงษ์กับนายเขียวขึ้นขี่ช้างคนละเชือกจำเลยทั้งสองไล่ช้างให้เดินไปทางทิศตะวันตก นายเสน่ห์กับพวกเดินตามหลังไป ไปห่างที่พักประมาณ 2 กิโลเมตร คนร้ายทั้งหมดก็บังคับให้นายสมพงษ์และนายเขียวลงจากหลังช้างและให้ล่ามช้างไว้กับต้นไม้ แล้วจำเลยที่ 2 ก็ใช้ผ้าขาวม้าผูกข้อมือของนายสมพงษ์กับข้อมือนายเขียวติดกัน ให้นั่งห่างจากช้างราว 3 วา แล้วนายเสน่ห์ก็ใช้ปืนยิงช้างทีละเชือกเมื่อช้างตายแล้ว นายเสน่ห์กับพวกก็ใช้มีดชำแหละงาช้าง แล้วบังคับให้นายสมพงษ์และนายเขียวแบกงาช้างเดินทางไป มีปัญหาว่า จำเลยทั้งสองกระทำไปด้วยความจำเป็นเพราะถูกนายเสน่ห์บังคับดังที่จำเลยกล่าวอ้างหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยหาได้กระทำผิดด้วยความจำเป็นเพราะอยู่ในที่บังคับถึงกับไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืน อันจะทำให้จำเลยไม่ต้องรับโทษไม่ แต่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ โดยข้อ 14 ของประกาศดังกล่าว ได้แก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิม จึงต้องลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว แต่ศาลฎีกาเห็นว่า โทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดมานั้นชอบด้วยรูปคดีแล้ว
พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 14 ให้จำคุกจำเลยคนละ 20 ปีคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คนละหนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยคนละ 13 ปี 4 เดือน ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 70,000 บาทแก่เจ้าทรัพย์ด้วย