แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการที่จะปรับว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องพิจารณากระทงความผิดเป็นกระทงกระทงไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยที่ 1 กระทงแรก 4,000 บาท และให้จำคุกจำเลยที่ 1 อีก 2 กระทง กระทงละ 1 ปี และศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ เกินกำหนดที่ว่ามานี้ ถึงแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้อันเป็นการแก้มากก็ตาม ก็ต้องถือว่าเป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้สมคบกันทำพยานหลักฐานเพื่อให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดทางอาญาเกิดขึ้นอันเป็นเท็จ ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวนและเบิกความเท็จต่อศาล ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172, 173, 174, 177, 179, 181 ประกอบด้วยมาตรา 83, 90, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้องเฉพาะความผิดตามมาตรา 173, 174, 177, 179 และ 181
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 ไม่มาศาล ศาลสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179 ให้ปรับคนละ 4,000 บาทผิดตามมาตรา 174, 181(2) ให้จำคุกคนละ 1 ปี และผิดตามมาตรา 177, 181(2) ให้จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 4,000 บาทให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์ฎีกาว่าไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการที่จะปรับว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องพิจารณากระทงความผิดเป็นกระทง ๆ ไป คดีนี้ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยที่ 1 กระทงแรก 4,000 บาท และให้จำคุกจำเลยที่ 1 อีก 2 กระทง กระทงละ 1 ปี และศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่เกินกำหนดที่ว่ามานี้ ถึงแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้อันเป็นการแก้มากก็ตาม ก็ต้องถือว่าเป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 219 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่โจทก์ฎีกาว่าไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษายกฎีกาของโจทก์