คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับของตำรวจ และยังเหลือเฮโรอีนอยู่อีก จึงต้องมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงหนึ่ง และฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกกระทงหนึ่ง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ มาตรา 66 จำคุก 9 ปี ริบเฮโรอีนของกลาง และคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เรียงกระทงลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่ง และฐานจำหน่ายเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่ง ตามมาตรา 66 แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย กำหนดโทษของจำเลยจึงคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘ทางพิจารณาข้อเท็จจริงในเบื้องต้นได้ความว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2523 ระหว่างเวลา 10 นาฬิกา ถึง 12 นาฬิกา ร้อยตำรวจโทษราเชนทร์ รื่นกมล พร้อมด้วยพันตำรวจตรีโอภาส สาณะเสน กับพวก ได้ร่วมกันจับกุมจำเลยที่ร้านอาหารของจำเลยบริเวณหาดไนหาน ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต และยึดได้เฮโรอีนจำนวนหนึ่งกับธนบัตรฉบับละหนึ่งร้อยบาทจำนวน 9 ฉบับ ตามภาพถ่าย ป.จ. 4 และ ป.จ. 5 เป็นของกลาง จำเลยลงลายมือชื่อในบันทึกการตรวจค้นจับกุมเอกสารหมาย ป.จ. 3 และในบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.1 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทำการตรวจวิเคราะห์ เฮโรอีนของกลางปรากฏว่ามีน้ำหนัก 4.150 กรัม

พิเคราะห์แล้ว ปัญหาข้อแรกที่ต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่สายลับของเจ้าพนักงานตำรวจจำนวน 1 หลอดตามฟ้องหรือไม่’ฯลฯ

‘ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางจำนวน 4 หลอด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยได้จำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าว จำนวน 1 หลอดให้แก่สายลับของตำรวจ

ปัญหาข้อต่อไปที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพียงกรรมเดียวนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับของตำรวจ จำเลยย่อมต้องมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงหนึ่ง และเมื่อจำหน่ายเฮโรอีนแล้วจำเลยยังเหลือเฮโรอีนอีก 2 หลอดครึ่งไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกกระทงหนึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรม’ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น’

พิพากษายืน

Share