คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรคสอง ศาลชอบที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31 โดยไม่จำต้องเลื่อนไปสืบพยานจำเลยอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งหกเป็นลูกจ้างประจำของจำเลย เมื่อวันที่ 3 มกราคม2526 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งหกโดยไม่มีความผิดและไม่จ่ายค่าชดเชยกับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างเพราะโจทก์ทั้งหกฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอย่างร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยขาดนัดพิจารณา

ศาลแรงงานกลางสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ในวันนัดพิจารณา โจทก์ทั้งหกและผู้รับมอบอำนาจจำเลยมาศาล ศาลจดคำให้การด้วยวาจาของจำเลยไว้ แล้วกำหนดประเด็นให้โจทก์นำสืบก่อนและเลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 24 มกราคม 2526 เวลา 9 นาฬิกา และนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 27 มกราคม 2526 เวลา 9 นาฬิกา โจทก์และผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยลงชื่อไว้ท้ายรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว ครั้นวันนัดสืบพยานโจทก์โจทก์ทั้งหกมาศาล ส่วนผู้รับมอบจากจำเลยทราบนัดแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดี กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง ซึ่งมาตรา 202ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว ไม่ใช่กรณีจำเลยได้รับหมายเรียกให้มาศาลในวันนัดพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 37 แล้วไม่มาศาล ฉะนั้นการที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วมีคำพิพากษาในวันเดียวกัน โดยไม่เลื่อนไปสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว

พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย

Share