แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอมโดยอ้างว่าคดีขาดอายุความแล้ว โจทก์ฎีกาว่า การนำสืบของโจทก์สำหรับข้อหาทั้งสอง ข้อเท็จจริงพอฟังว่าคดีมีมูล ดังนี้ ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อหานำสืบแสดงพยานหลักฐานเท็จ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้แล้วว่าเอกสารที่จำเลยนำสืบเป็นเอกสารปลอมและในข้อหาเบิกความเท็จ วินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยเบิกความเท็จในตอนใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาทั้งสองนี้ว่า ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเอกสารนั้นปลอม จำเลยเบิกความว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงไปตามความเชื่อของตน ดังนี้เป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยข้อเท็จจริง. โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 และด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ที่ขอให้สืบพยานเพิ่มเติม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสาร ส.ค.1 ฉบับเลขที่ 128จำเลยที่ 2 ปลอมเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 175 แล้วจำเลยที่ 1, 2 และ 3ร่วมกันนำเอกสารปลอมดังกล่าวไปใช้อ้างและนำสืบแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ทั้งเบิกความเท็จรับรองเอกสารดังกล่าวในคดีหมายเลขดำที่ 99/2513 หมายเลขแดงที่ 69/2514 ของศาลจังหวัดสกลนคร ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 177, 180,264, 266, 267, 268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีของโจทก์ไม่มีมูลพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องว่าขาดอายุความแล้ว โจทก์ฎีกาว่า การนำสืบของโจทก์สำหรับข้อหาทั้งสอง ข้อเท็จจริงพอฟังว่าคดีมีมูลฎีกาเช่นนี้ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายส่วนข้อหานำสืบแสดงพยานหลักฐานเท็จ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้แล้วว่าเอกสารที่จำเลยนำสืบแสดงพยานหลักฐานเป็นเอกสารปลอม ข้อหาเบิกความเท็จ วินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยเบิกความเท็จในตอนใด เป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อหาทั้งสองนี้ว่ายังไม่มีการพิสูจน์ว่าเอกสารนั้นปลอมจำเลยเบิกความว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงไปตามความเชื่อของตนเป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง เมื่อข้อหาทั้งสองดังกล่าว ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้อีกเช่นกัน และด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ที่ขอสืบพยานเพิ่มเติม
พิพากษาให้ยกฎีกาของโจทก์