แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นพนักงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอันเป็นองค์การของรัฐ ใช้อำนาจในหน้าที่เบียดบังยักยอกเอาเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่จำเลยรับไว้โดยทุจริต ย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 เพียงมาตราเดียว ไม่ผิดตามมาตรา 8ด้วย เพราะเป็นการเบียดบังตัวทรัพย์ที่อยู่ในหน้าที่ไว้เป็นประโยชน์ มิใช่อาศัยหน้าที่หาประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการเบียดบังเอาทรัพย์ และกรณีดังกล่าวไม่จำต้องปรับบทด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 อีก
ใบเสร็จรับเงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ถูกทำปลอมขึ้นเพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นใบเสร็จที่แท้จริง อันอาจนำไปเรียกเก็บเงินซ้ำอีกได้นั้น แม้จะมิได้มีการลงชื่อในช่องพนักงานเก็บเงินว่าได้รับเงินไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม ย่อมเป็นเอกสารสิทธิ แต่มิใช่เอกสารราชการ จำเลยผู้ทำปลอมขึ้นต้องมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 266 และกรณีไม่จำต้องปรับบทด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 อีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานของการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรีสังกัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับเงินเดือนประจำของการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรี และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพนักงานบัญชีประจำการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรี มีหน้าที่จัดเก็บเงิน เปิดบัญชี นำเงินสดฝากธนาคาร รับผิดชอบในตัวเงินสดและเงินฝาก เก็บรักษาสมุดบัญชี เอกสารต่าง ๆ เกี่ยวด้วยการเงิน ทำบัญชีเงินสดแสดงรายรับรายจ่ายเงินฝาก ออกใบรับเงินและรับเงินทุกประเภท เก็บเงินค่าประกันการใช้กระแสไฟฟ้าค่าธรรมเนียมต่อไฟ วางใบแจ้งหนี้และรับเงินด้วยตนเองในกรณีผู้ใช้กระแสไฟฟ้าเป็นสถานที่ราชการ นำเงินรายได้ส่งต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งใบสำคัญคู่จ่าย จัดทำสมุดยอดเงินทุนหมุนเวียนทำสมุดทะเบียนคุมลูกหนี้ ทำสมุดคุมทะเบียนค่าประกันการใช้กระแสไฟฟ้า และทำสมุดจ่ายใบรับเงิน จำเลยรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าจากหน่วยราชการต่าง ๆ รวม 14 รายการเป็นเงิน 385,650.15 บาท เมื่อจำเลยรับไว้แล้วได้ใช้อำนาจในหน้าที่เบียดบังยักยอกเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสียโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรี และจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรีรวม 11 ฉบับ โดยกรอกข้อความลงในแบบพิมพ์ใบรับเงินที่แท้จริงแทนที่ใบเสร็จรับเงินฉบับเดิมที่แท้จริงอันจำเลยได้นำไปเก็บเงินแล้วจากหน่วยราชการที่เป็นลูกหนี้รวม 11 รายการ ทั้งนี้ โดยจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินอันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย ซึ่งเป็นการปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ เพื่อแสดงให้เห็นว่าใบเสร็จรับเงินที่จำเลยกระทำขึ้นเป็นใบเสร็จที่แท้จริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรี ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 266, 352 ขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 385,650.15 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าจากหน่วยราชการแล้วทุจริตเบียดบังยักยอกไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว และทำใบเสร็จรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าปลอมขึ้น เพื่อหลอกลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และเพื่อปิดบังว่ายังมิได้เก็บเงินมาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 266, 352 ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 ซึ่งเป็นกระทงหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกไว้มีกำหนด 15 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 385,650.15 บาท แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยเป็นพนักงานบัญชีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เบียดบังยักยอกเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่รับมาไว้เป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริต เงินค่ากระแสไฟฟ้าดังกล่าวได้ออกใบเสร็จให้แก่ผู้ชำระเงินแล้วตามเอกสาร จ.16 ถึง จ.26 และ จ.30 ถึง จ.32 แล้วจำเลยได้ทำใบเสร็จขึ้นใหม่ตามเอกสาร จ.5 ถึง 15 เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำกับใบเสร็จหมาย จ.16 ถึง 26 อีก และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า สำหรับใบเสร็จเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.15 ปรากฏว่าจำเลยเขียนขึ้นในแบบพิมพ์ใบเสร็จรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่แท้จริงโดยกรอกรายการครบถ้วนว่า เป็นค่ากระแสไฟฟ้าของเดือนใดจำนวนหน่วยที่ใช้ จำนวนเงินเท่าใด และลงชื่อจำเลยในตำแหน่งพนักงานบัญชีแทนสมุหบัญชีทุกฉบับ เพียงเท่านี้พอถือได้ว่าเป็นเอกสารสิทธิแล้ว ส่วนการที่จำเลยยังไม่ได้ลงชื่อในช่องพนักงานเก็บเงินว่าได้รับเงินไว้ถูกต้องแล้ว ก็เมื่อเจตนาของจำเลยประสงค์จะแสดงให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จที่ยังค้างเก็บเงิน จำเลยย่อมลงชื่อรับเงินไว้ล่วงหน้าไม่ได้อยู่เอง สภาพแห่งเอกสารบ่งชัดว่าเป็นการปลอมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นใบเสร็จที่แท้จริงอยู่แล้ว ดังนั้น จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ
ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันให้ลงโทษจำเลยนั้น ชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยยังไม่ถูกต้อง กล่าวคือความผิดของจำเลยเป็นเรื่องพนักงานสังกัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอันเป็นองค์การของรัฐเบียดบังเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่จำเลยมีหน้าที่รับและเก็บรักษาเพื่อฝากธนาคารหรือซื้อดราฟท์เอาไปเป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริต จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 เพียงมาตราเดียว เพราะเป็นการเบียดบังตัวทรัพย์ที่อยู่ในหน้าที่ ส่วนความผิดตามมาตรา 8 เป็นเรื่องที่ผู้กระทำมิได้เอาตัวทรัพย์ที่อยู่ในหน้าที่ไว้เป็นประโยชน์หากแต่อาศัยหน้าที่หาประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการเบียดบังเอาทรัพย์ อีกประการหนึ่ง ใบเสร็จรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรีตามเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.15 แม้จะเป็นการปลอมเอกสารสิทธิ แต่ก็ไม่ใช่ปลอมเอกสารราชการ เพราะจำเลยไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามบทนิยามมาตรา 1(8) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ทั้งการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ราชการในฐานะเป็นหน่วยราชการของรัฐแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266 เหตุนี้ ศาลฎีกาชอบที่จะปรับบทเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้ ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 นอกจากที่แก้นี้แล้วคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์