คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 7 วัน และปรับ 500บาท โทษจำคุกเปลี่ยนเป็นกักขัง จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า โทษจำคุก 7 วันไม่เปลี่ยนเป็นกักขัง และให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นั้น ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย เพราะการรอการลงโทษ จำเลยยังไม่ต้องรับโทษ จึงเบากว่าโทษกักขัง
ฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษกักขังจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว เป็นฎีกาดุลพินิจการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้มาก ก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2516 จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ขายปลีกข้าวสาร บังอาจจัดให้มีป้ายแสดงราคาสินค้า (ข้าวสาร) ไม่ตรงกับที่ประกาศควบคุมราคาไว้ คือทางราชการประกาศควบคุมราคาข้าวสารชนิด 100 เปอร์เซ็นต์ราคาถังละ 48 บาท ลิตรละ 2.80 บาท แต่จำเลยเขียนป้ายแสดงราคาถังละ 57 บาท ลิตรละ 3 บาทตำรวจจับจำเลยได้พร้อมป้ายของกลางเหตุเกิดที่แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 5, 8, 17 ประกาศคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ 64) พ.ศ. 2516 เรื่องควบคุมและกำหนดราคาสูงสุดของข้าวสารเจ้า ปลายข้าวและรำข้าว ข้อ 5 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2516 ลงโทษจำคุก 14 วัน และปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 7 วัน และปรับ 500 บาท จำเลยเป็นหญิง ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังตามมาตรา 23 ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุก แล้วยกโทษจำคุกหรือรอการลงโทษไว้ และลงโทษปรับจำเลยแต่สถานเดียว

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า โทษจำคุก 7 วันของจำเลยไม่เปลี่ยนเป็นโทษกักขังและให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลย และรอการลงโทษไว้ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย เพราะการรอการลงโทษจำเลยยังไม่ต้องรับโทษ จึงเบากว่าโทษกักขัง ซึ่งจำเลยต้องถูกส่งตัวไปกักขังยังสถานที่ที่กำหนดไว้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษกักขังจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นั้นเป็นฎีกาดุลพินิจการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้มาก ก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้

พิพากษายืน

Share