แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ โดยบิดาให้ความยินยอมนั้นมิได้เป็นไปตามบทบังคับอันว่าด้วยความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย เพราะในคดีอาญานั้นผู้เยาว์จะเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้ต้องกระทำโดยผู้แทน ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3,5 และ 6
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารเด็กหญิงเซาเด๊าะอายุ 14 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 9
จำเลยให้การปฏิเสธ
เด็กหญิงเซาเด๊าะผู้เสียหายโดยนายบือซาบิดาให้ความยินยอมร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 9 จำคุก จำเลยหกเดือน
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง และวินิจฉัยข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องเด็กหญิงเซาเด๊าะผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมว่า กรณีเด็กหญิงเซาเด๊าะอายุ 14 ปีจะเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ต้องกระทำโดยผู้แทนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3, 5 และ 6 การที่เด็กหญิงเซาเด๊าะขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมโดยความยินยอมของนายบือซาผู้เป็นบิดาซึ่งศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตนั้น มิได้เป็นไปตามบทบังคับอันว่าด้วยความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย แต่ว่าจะยกฟ้องหรือไม่รับพิจารณาเสียทีเดียวดังไม่ได้ ชอบที่จะสั่งให้แก้ไขความบกพร่องเสียก่อน ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรค 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 6 และมาตรา 15 เมื่อโจทก์ร่วมมิได้ฎีกาขึ้นมา และคดีไม่อาจทำให้คำวินิจฉัยของศาลฎีกาเกี่ยวกับปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องของโจทก์หรือไม่เปลี่ยนแปลงไป การจะสั่งให้แก้ไขอำนาจฟ้องของโจทก์ร่วมให้ถูกต้องเสียก่อนในกรณีนี้จึงไม่จำเป็น เพราะไม่เกิดประโยชน์อย่างใด
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ข้อ 9 จำคุก 3 เดือน ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี