คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5517/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่า จำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคดีนี้มาก่อน หากจำเลยได้รับจะต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดีอย่างแน่นอน เนื่องจากจำเลยไม่ได้เป็นหนี้ตามฟ้อง เอกสารที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้เป็นเอกสารปลอมที่โจทก์จัดทำขึ้นเอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาล คำพิพากษาของศาลที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดตามเอกสารปลอมที่โจทก์นำสืบไปฝ่ายเดียวและเชื่อว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามคำฟ้อง จึงไม่ชอบ ตามคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยดังกล่าวแม้จะมีข้อความระบุว่า เอกสารที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้เป็นเอกสารปลอม ก็เป็นการกล่าวเฉพาะเอกสารที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นหนี้ และข้อความในคำร้องของจำเลยมีความหมายแต่เพียงว่า พยานหลักฐานที่โจทก์สืบไม่เป็นความจริงเท่านั้น คำร้องของจำเลยจึงมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องอย่างไร หรือหากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้อย่างไรคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองหากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบ ให้ยึดเอาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ หากขายทอดตลาดทรัพย์จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ ขอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบก็ให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินใช้หนี้โจทก์หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยไม่จงใจขาดนัดพิจารณา อนุญาตให้พิจารณาใหม่

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยระบุชัดเจนแล้วว่าเอกสารฉบับใดปลอม และหากมีการพิจารณาใหม่ เอกสารที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้ย่อมนำไปรับฟังให้จำเลยรับผิดไม่ได้ ถือได้ว่าเป็นการคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 แล้วนั้น เห็นว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่า “จำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคดีนี้มาก่อน หากจำเลยได้รับจะต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดีอย่างแน่นอนเนื่องจากจำเลยไม่ได้เป็นหนี้ตามฟ้อง เอกสารที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้เป็นเอกสารปลอมที่โจทก์จัดทำขึ้นเอง ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยคำพิพากษาของศาลที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดตามเอกสารปลอม ที่โจทก์นำสืบไปฝ่ายเดียวและเชื่อว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามคำฟ้อง จึงไม่ชอบ” ตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยดังกล่าวแม้จะมีข้อความระบุว่า เอกสารที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้เป็นเอกสารปลอม เป็นการกล่าวเฉพาะเอกสารที่โจทก์อ้างว่าจำเลยเป็นหนี้ หาใช่ไม่ปรากฏว่าเอกสารฉบับใดเป็นเอกสารปลอมดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ตามที่จำเลยฎีกาก็ตาม แต่ข้อความในคำร้องของจำเลยดังกล่าวก็มีความหมายแต่เพียงว่า พยานหลักฐานที่โจทก์สืบไม่เป็นความจริงในคำร้องของจำเลยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องอย่างไร หรือหากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้อย่างไร คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง

พิพากษายืน

Share