คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาว่าสิทธิเรียกร้องใดไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีแม้คู่ความจะไม่ได้ฎีกาในปัญหานี้แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 246,247 จำเลยเป็นพนักงานของผู้ร้อง และหากจำเลยลาออกจากการเป็นพนักงานของผู้ร้องจำเลยย่อมมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเงินสุทธิจำนวนหนึ่ง แต่ก่อนจำเลยลาออกจากการเป็นพนักงานของผู้ร้อง จำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่ผู้ร้อง เมื่อตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 24บัญญัติว่า สิทธิเรียกร้องเงินจากกองทุนไม่อาจโอนกันได้และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีการที่จำเลยโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้ผู้ร้องจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 150 ผู้ร้องจะอ้างการที่เป็นโมฆะขึ้นอ้างต่อผู้ใดไม่ได้ แต่การอายัดทรัพย์เป็นการบังคับคดีอย่างหนึ่ง โจทก์ย่อมไม่อาจอายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวได้เช่นกัน ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินจำนวนดังกล่าว เป็นการไม่ชอบ ผู้ร้องจึงไม่จำต้องปฏิบัติตามคำสั่งอายัดของศาลชั้นต้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยให้ใช้เงินกู้ยืม 576,249.98 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แล้วมีการประนีประนอมยอมความกันศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2538 ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 350,000 บาท โดยแบ่งชำระเป็น3 งวด หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีเต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ในฟ้องเป็นเงิน 576,249.98 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยผิดนัดชำระตั้งแต่งวดแรกวันที่ 25 มิถุนายน2538 โจทก์จึงขอออกหมายบังคับคดีและขอให้ศาลออกคำสั่งอายัดเงินที่จำเลยมีสิทธิได้รับจากผู้ร้องจำนวน 700,000 บาท ศาลชั้นต้นส่งคำสั่งอายัดเงิน 700,000 บาท ไปยังผู้ร้องโดยวิธีปิดคำสั่งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2538
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอายัดเงิน
โจทก์ยื่นคำแก้คำคัดค้านว่า หลังจากโจทก์ขอให้อายัดเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จำเลยจะได้รับจากผู้ร้องแล้ว ไม่ปรากฏหนังสือคัดค้านตามที่ผู้ร้องอ้างส่งไปยังกรมบังคับคดี โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายอายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวไปยังผู้ร้องเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2538 ผู้ร้องอนุมัติให้จำเลยลาออกจากการเป็นพนักงานของผู้ร้องตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2538 ดังนั้นจำเลยจึงมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 604,800 บาท หาใช่ 579,280 บาท ไม่จำเลยจะได้รับเงินดังกล่าวต่อเมื่อการลาออกมีผล ผู้ร้องได้รับหนังสืออายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2538 จำเลยและผู้ร้องจึงคบคิดกันเพื่อฉ้อฉลโจทก์โดยทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ หนี้เงินทดรองที่จำเลยขอเบิกจากผู้ร้องไม่มีหลักฐานและหากมีมูลหนี้ต่อกันจริงผู้ร้องสามารถบังคับเอาจากจำเลยหรือผู้ค้ำประกันได้ ขอให้เพิกถอนสัญญาโอนสิทธิิเรียกร้องระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง และมีคำสั่งให้ผู้ร้องส่งเงิน 604,800 บาทไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยโอนสิทธิที่จะได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ผู้ร้อง ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีต่อไป และให้ยกคำคัดค้านของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นที่ยุติในเบื้องต้นว่าจำเลยเป็นพนักงานของผู้ร้องเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2538 จำเลยลาออกจากการเป็นพนักงานของผู้ร้อง เป็นเหตุให้จำเลยมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเงินสุทธิ 579,280 บาทก่อนจำเลยลาออกจากการเป็นพนักงานของผู้ร้องจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่ผู้ร้องเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2538
ปัญหาที่เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยก่อนมีว่า ผู้ร้องต้องปฏิบัติตามคำสั่งอายัดของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 มาตรา 24 บัญญัติว่า สิทธิเรียกร้องเงินจากกองทุนไม่อาจโอนกันได้และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีฉะนั้นแม้คู่ความจะไม่ได้ฎีกาในปัญหานี้แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 246, 247 การที่จำเลยโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้ผู้ร้องจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ผู้ร้องจะอ้างการที่เป็นโมฆะขึ้นอ้างต่อผู้ใดไม่ได้ อย่างไรก็ดี กฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้สิทธิเรียกร้องเงินจากกองทุนไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี การอายัดทรัพย์ก็เป็นการบังคับคดีอย่างหนึ่ง โจทก์จึงไม่อาจอายัดสิทธิเรียกร้องดังกล่าวได้ ผู้ร้องจึงไม่จำต้องปฏิบัติตามคำสั่งอายัดของศาลชั้นต้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งอายัดของศาลชั้นต้น

Share