คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 จะบังคับให้ฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใดๆ เป็นฝ่ายนำสืบก็ดีแต่เมื่อจำเลยรับแล้วว่า รถยนต์ที่จำเลยควบคุมมาชนรถจักรยานสามล้อโจทก์เช่นนี้หน้าที่นำสืบปลดเปลื้องความรับผิดย่อมตกแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 437

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ชนโจทก์และรถจักรยานสามล้อที่โจทก์ขับขี่ โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย รถจักรยานสามล้อเสียหายยับเยินทั้งคัน ขอให้ใช้ค่าเสียหาย 6500 บาท กับต่อ ๆ ไปอีกเดือนละ500 บาทจนตลอดชีวิตโจทก์

จำเลยต่อสู้ว่า เป็นความผิดของโจทก์เองและว่าหากฟังว่าโจทก์เสียหาย ค่าเสียหายก็ไม่ควรเกิน 500 บาท

ชั้นพิจารณาคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าจำเลยรับว่ารถยนต์ที่จำเลยขับนั้นชนรถสามล้อที่โจทก์ขับขี่อยู่จริงเป็นหน้าที่จำเลยที่จะต้องสืบปฏิเสธความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 เมื่อจำเลยไม่นำสืบ จำเลยก็ต้องรับผิด ส่วนค่าเสียหายเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบ จำเลยก็รับว่าโจทก์เสียหายบ้างแต่ไม่มากดังฟ้องศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 1500 บาท พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมค่าทนาย 200 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยใช้แทนโจทก์ ให้คิดค่าขึ้นศาลเท่าจำนวนที่โจทก์ชนะคดีกับค่าทนาย 2 ศาล 200 บาท นอกนั้นยืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84จะบังคับให้ฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใด ๆ เป็นฝ่ายนำสืบก็ดีเมื่อจำเลยรับแล้วว่า รถยนต์ที่จำเลยควบคุมมาชนรถจักรยานสามล้อโจทก์เช่นนี้หน้าที่นำสืบปลดเปลื้องความรับผิดย่อมตกแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 พิพากษายืน

Share