คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาขายที่ดินพร้อมด้วยตึกแถวให้จำเลยที่ 1 ห้องละ 80,000 บาท จำเลยที่ 1 มาขอให้โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนโอนขายให้จำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 1 นำหนังสือมอบอำนาจนั้นไปแสดงแก่เจ้าพนักงานที่ดิน โดยจำเลยทั้งสองแจ้งความเท็จว่าโจทก์โอนขายให้ในราคา 40,000 บาทความจริงจำเลยที่ 1 ขายให้จำเลยที่ 2 ในราคากว่า 80,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมและค่าอากร อาจทำให้โจทก์เสียหายคืออาจถูกฟ้องฐานแจ้งความเท็จ อาจถูกเรียกค่าธรรมเนียมและค่าอากรแสตมป์ที่ขาดและถูกปรับหลายเท่า และอาจถูกฟ้องฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรด้วย ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้โอนขายแทนเท่านั้น โจทก์ไม่ได้เป็นผู้แจ้งหรือร่วมรู้เห็นในการแจ้งว่าซื้อขายกันเป็นเงินเท่าใด ไม่ต้องรับผิดฐานแจ้งความเท็จนั้น การแจ้งราคาซื้อขายน้อยกว่าความจริง เป็นเหตุให้รัฐบาลขาดรายได้รัฐบาลก็เป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่โจทก์ข้อที่ว่าโจทก์อาจถูกเรียกค่าธรรมเนียมและค่าอากรแสตมป์ที่ขาดและจะถูกปรับ ก็ปรากฏตามสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีหน้าที่ชำระ เมื่อตามข้อเท็จจริงเป็นการแจ้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยเฉพาะตัวแล้ว
โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันแจ้งความเท็จ ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องได้โดยไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้อง

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าเดิมโจทก์ได้ทำหนังสือสัญญาขายที่ดินโฉนดที่ 1813 ตำบลบางรัก อำเภอบางรัก จังหวัดพระนคร พร้อมทั้งตึกแถวที่ปลูกสร้างจำนวน 60 ห้อง ให้แก่จำเลยที่ 1 ในราคาห้องละ 80,000 บาท ครบกำหนดชำระราคาในวันที่ 15 พฤษภาคม 2512 แต่ได้ตกลงกันว่า หากมีผู้มาซื้อที่ดินพร้อมด้วยตึกแถวแต่ละห้องจากจำเลยที่ 1 ก่อนครบกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์ยอมจดทะเบียนขายที่ดินและตึกแถวห้องนั้น ๆ โดยตรง ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้มาหาโจทก์ให้โอนขายที่ดินโฉนดที่ 8916 พร้อมตึกแถวหนึ่งห้อง ซึ่งแบ่งแยกจากโฉนดดังกล่าวเสร็จแล้วให้แก่จำเลยที่ 2 โดยให้โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนไปจัดการโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 โจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปตามความประสงค์ของจำเลยที่ 1

จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าโจทก์โอนขายที่ดินพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยที่ 2 ในราคา 40,000 บาท ความจริงจำเลยที่ 1 ขายต่อให้จำเลยที่ 2 อีกทอดหนึ่งกว่า 80,000 บาท จึงเป็นการแจ้งราคาค่าซื้อขายทรัพย์สินต่อเจ้าพนักงานต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งจำเลยทั้งสองทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 83

ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องคดีโจทก์ไม่มีมูลความผิด ให้ยกฟ้องโจทก์โดยไม่จำต้องไต่สวนมูลฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า คดีของโจทก์มีมูลความผิดตามโจทก์ฟ้อง

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้ โจทก์ได้ทำใบมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้โอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมตึกแถวเลขที่ 771/98 ให้แก่จำเลยที่ 2 ผู้ซื้อ แทนโจทก์เท่านั้นส่วนการแจ้งว่าซื้อขายกันเป็นจำนวนเงินเท่าใด จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นผู้แจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยลำพัง โจทก์ไม่ได้เป็นผู้แจ้งและไม่ได้ร่วมรู้เห็นในการแจ้งข้อความนั้นด้วย โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดในฐานแจ้งข้อความนั้น

การแจ้งจำนวนราคาซื้อขายน้อยกว่าความจริง เป็นการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการโอนและค่าอากรแสตมป์ เป็นเหตุให้รัฐบาลขาดรายได้รัฐบาลจึงเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่โจทก์ ข้อที่โจทก์อ้างว่าโจทก์อาจถูกสำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครเรียกค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ขาดไป และจะถูกกรมสรรพากรเรียกค่าอากรแสตมป์ที่ขาดไป และจะถูกปรับหลายเท่า ก็ปรากฏตามสัญญาซื้อขายว่าจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเหล่านั้น ไม่ใช่โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นการแจ้งของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะตัวแล้ว โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share