แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยอายุ 17 ปี ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี 9 เดือนศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรลงโทษถึงจำคุก พิพากษาแก้ เป็นให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดารับตัวไประวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายขึ้นอีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(2) ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธในชั้นแรก จนเมื่อโจทก์สืบพยานหมดแล้วจึงกลับรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำเลยเป็นเด็กอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ตามมาตรา 75จำคุก 7 ปี 6 เดือน จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน และรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 9 เดือน ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ว่าไม่ควรลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หากจะลดก็ควรลดเพียง 1 ใน 3 ไม่ควรลดกึ่งหนึ่ง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดาของจำเลยรับตัวไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74, 75
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน และยังไม่สมควรพิพากษาลงโทษถึงจำคุก พิพากษาแก้ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำเลยเป็นเด็กอายุเพียง 17 ปี ยังไม่รู้สึกผิดชอบดีพอ จึงให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดาจำเลยรับตัวไประวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายขึ้นอีกภายในกำหนด 3 ปี ถ้าจำเลยก่อเหตุร้ายขึ้น ก็ให้บิดามารดาจำเลยชำระเงินต่อศาลครั้งละ 500 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(2) นอกจากที่แก้นี้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน ขอให้ลงโทษจำเลย และไม่ลดโทษให้จำเลย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน และเห็นว่าคำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาไม่มากนัก
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำเลยเป็นเด็กอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ตามมาตรา 75 กึ่งหนึ่ง ให้จำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือน จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนและรับสารภาพชั้นพิจารณาเมื่อโจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้าง จึงลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 5 ปี นอกจากที่แก้นี้แล้วให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์