คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับมอบเงินจากผู้เสียหายเพื่อให้นำไปซื้อปอฝ้ายและพืชไร่ มาให้ผู้เสียหายภายในกำหนด แล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามที่ผู้เสียหายมอบหมายกลับหลบหนีไปและได้นำเงินของผู้เสียหายไปใช้เสียหมด ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ด้วยว่า การที่จำเลยนำเงินของผู้เสียหายไปใช้นั้นเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยทุจริตแล้วจำเลยก็ต้องมีความผิดฐานยักยอกมิใช่เป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบผู้เสียหายเป็นพยานปากเดียวแล้วสั่งงดสืบพยานต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดในทางอาญาหรือเป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่งก็ต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2513 เวลากลางวันจำเลยได้รับมอบเงิน 10,000 บาทของนายยงค์ เสรีวงศ์ เพื่อนำไปซื้อฝ้ายและปอให้นายยงค์ ต่อมาระหว่างวันเวลาตั้งแต่จำเลยรับมอบเงินไปจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2513 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยได้มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 10,000 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่าฟ้องเคลือบคลุม ไม่ระบุวันเวลาการกระทำผิดให้ชัดแจ้ง

ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายหนึ่งปากแล้วงดสืบพยานโจทก์ ฟังว่า เป็นเรื่องผิดสัญญา จำเลยไม่มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาเงินจำนวนนี้ ยังไม่มีความผิดฐานยักยอก พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยไม่นำเงินของผู้เสียหายที่ตนครอบครองอยู่ไปซื้อปอและฝ้ายมาส่งมอบให้ผู้เสียหายตามกำหนดเวลา อาจเป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่งได้ หากกรณีนั้นไม่ใช่เป็นการเบียดบังเอาเงินไปเป็นของตนโดยทุจริต คดีนี้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดในทางอาญา หรือเป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น ควรฟังพยานของโจทก์จำเลยต่อไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกาว่า กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาในทางแพ่ง มิได้ทำผิดในทางอาญา ขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบเงินจากผู้เสียหายเพื่อนำไปซื้อฝ้ายและปอให้ผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นของตนเสีย หากคดีฟังได้ว่าได้รับมอบเงินจากผู้เสียหายเพื่อให้นาไปซื้อปอ ฝ้าย และพืชไร่มาให้ผู้เสียหายภายในกำหนดแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามที่ผู้เสียหายมอบหมาย กลับหลบหนีไป และได้นำเงินของผู้เสียหายไปใช้เสียหมดดังนี้ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ด้วยว่า การที่จำเลยนำเงินของผู้เสียหายไปใช้นั้น เป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยทุจริตแล้วจำเลยก็ต้องมีความผิดฐานยักยอกมิใช่เป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่งเช่นที่จำเลยฎีกามา แต่ข้อเท็จจริงของคดีนี้จะฟังได้ตามคำเบิกความของผู้เสียหายเพียงใดยังไม่ยุติ เพราะศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยานทั้งของโจทก์และของจำเลยต่อไปเสีย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ จึงเป็นการชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share