คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลได้กำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์จำเลยตามที่ทนายจำเลยขอครั้นถึงวันเวลาที่กำหนด ทนายจำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นรอจนถึงเวลา 10.00 นาฬิกา จึงสืบพยานโจทก์ได้ 3 ปากหมดพยานโจทก์ สืบตัวจำเลยได้ 1 ปาก จำเลยแถลงว่าไม่ได้นำพยานอื่นมาศาลศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงให้งดสืบพยานอื่นของจำเลยเสีย ดังนี้ เห็นได้ว่า ทนายจำเลยมิได้เอาใจใส่ต่อวันนัดของศาล ทั้ง ๆ ที่ทนายจำเลยขอให้นัดเอง แต่พอถึงวันนัดกลับไปว่าความที่ศาลอื่นเสีย คงปล่อยให้จำเลยมาศาลตามลำพัง จำเลยมีหน้าที่นำพยานมาศาลตามวันเวลานัดซึ่งจำเลยและทนายจำเลยทราบดีอยู่แล้ว การที่จำเลยไม่นำพยานมาศาลย่อมเป็นการละเลยต่อหน้าที่และจำเลยแสดงให้เห็นไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นอย่างไรต้องเลื่อนคดีไป จึงเป็นพฤติการณ์ที่ส่อว่าจำเลยประวิงคดีให้ล่าช้า ศาลย่อมใช้ดุลพินิจสั่งงดสืบพยานได้ตามควรแก่กรณี เพื่อให้คดีดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลย ชอบด้วยเหตุผลแล้ว

ย่อยาว

นายเต็ม แก่นบำรุง ผู้ร้อง เสนอคดีไม่มีข้อพิพาทว่า ได้ครอบครองที่พิพาทด้วยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ขอให้ศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง

นายเงิน เนียมศรี ร้องคัดค้าน และฟ้องแย้งว่า มีส่วนเป็นเจ้าของที่พิพาทครึ่งหนึ่ง

ชั้นพิจารณา ศาลชั้นต้นเรียกผู้ร้องว่าโจทก์ เรียกฝ่ายคัดค้านว่าจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยไม่ชอบ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกาในข้อ 1 ว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยชอบแล้ว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อนนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14 กรกฎาคม 2513 ถึงวันนัด สืบพยานโจทก์ได้ 2 ปาก แล้วเลื่อนไปสืบพยานโจทก์วันที่ 2 และสืบพยานจำเลยวันที่ 3 เดือนกันยายน 2513 ครั้นวันที่ 2 กันยายน 2513 ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วย โดยขอเลื่อนไปในวันที่ 23 เดือนเดียวกัน ทนายจำเลยรับสำเนาแล้วไม่ค้านแต่ได้บันทึกว่าขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ 20 ตุลาคม 2513 ก่อนนั้นติดว่าความทุกวัน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์จำเลยตามวันที่ทนายจำเลยขอ ครั้นถึงวันนัดซึ่งศาลนัดสืบพยานเวลา 8.30 นาฬิกาศาลชั้นต้นรออยู่จนเวลา 10.00 นาฬิกา ทนายจำเลยไม่มาศาล คงสืบพยานโจทก์ไปรวม 3 ปาก แล้วสืบตัวจำเลย จำเลยแถลงว่าพยานอื่นมิได้นำมาศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงให้งดสืบพยานอื่นเสีย ศาลฎีกาเห็นว่า ทนายจำเลยมิได้เอาใจใส่ต่อวันนัดของศาล แม้จะเป็นฝ่ายขอนัดเอง ถึงวันนัดกลับไปว่าความที่ศาลอื่นเสียคงปล่อยให้จำเลยมาศาลตามลำพัง ตามบัญชีพยานจำเลยล้วนเป็นพยานนำทั้งสิ้น จำเลยจึงมีหน้าที่นำพยานของตนมาศาลตามวัน เวลานัด ซึ่งจำเลยและทนายจำเลยทราบดีอยู่แล้ว การที่จำเลยไม่นำพยานมา ย่อมเป็นการละเลยต่อหน้าที่ของตน ไม่ใช่หน้าที่ของศาลจะต้องสอบเหตุขัดข้องที่พยานไม่มา จำเลยต่างหากจะต้องแสดงเหตุข้ดข้องต่อศาล แต่จำเลยก็แสดงให้เห็นไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนคดีไปอย่างไร การสืบพยานโจทก์ตั้งแต่นัดแรกปรากฏว่า จำเลยมาฟังถ้อยคำพยานโจทก์และการซักค้านของทนายฝ่ายตน ดังได้ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2513 แล้ว จำเลยย่อมรู้แนวการค้านพยานและจะสืบหักล้างอย่างไร ในนัดหลังมีพยานโจทก์เข้าสืบอีก 3 ปาก จำเลยก็ซักค้านพยานด้วยตนเองได้แล้วจึงอ้างตัวเองเข้าสืบ เห็นได้ว่าจำเลยมิได้เสียเปรียบฝ่ายโจทก์แต่อย่างใด มิฉะนั้นจำเลยคงจะขอเลื่อนคดีเสียก่อนศาลจะดำเนินการสืบพยานโจทก์แล้ว ดังนั้น ข้อที่จำเลยไม่นำพยานมาสืบในวันนัดพร้อมกับพยานโจทก์ ประกอบกับทนายจำเลยก็ไม่มา อ้างเหตุภายหลังว่าป่วยบ้าง ติดไปว่าความที่ศาลอื่นบ้าง จึงเป็นพฤติการณ์ที่ส่อว่าเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า ศาลย่อมใช้ดุลพินิจพิจารณาสั่งงดสืบพยานได้ตามควรแก่กรณีแห่งเรื่อง เพื่อให้คดีดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรมความบกพร่องของทนายจำเลยรวมทั้งตัวจำเลยจะโดยพลั้งเผลอ ก็เป็นการดำเนินคดีให้ล่าช้าฝ่ายเดียว จึงไม่สมควรได้รับอนุเคราะห์ ด้วยประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยชอบด้วยเหตุผลแล้ว จำเลยจะขอสืบพยานต่อไปไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานจำเลยต่อไปนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้อ 2 ต่อไป

พร้อมกันพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาในประเด็นพิพาทแห่งคดีเสียใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ ให้ศาลอุทธรณ์สั่งเมื่อพิพากษาใหม่

Share