คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดามารดาเก็บปืนไว้ใต้หมอนในห้องนอน โดยมิได้ถอดแมกกาซีนออก และมิได้ห้ามปรามมิให้บุตรเข้าไป เพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะเกิดจากอาวุธปืนนั้น ถือว่าบิดามารดามิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของบิดามารดา เมื่อบุตรเอาปืนไปเล่นเป็นเหตุให้ปืนลั่นถูกเพื่อนตาย บิดามารดาต้องร่วมรับผิดกับบุตรในผลละเมิดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2510 จำเลยที่ 1 ได้กระทำปืนลั่นโดยประมาท เป็นเหตุให้กระสุนถูกนายแก้วหรือวิชชพันธ์ถึงแก่ความตาย ศาลจังหวัดกบินทร์บุรีพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี ตามคดีหมายเลขแดงที่ 670/2510

จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ในฐานะบิดามารดาจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1 ปล่อยปละละเลยยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำปืนมาเล่นต่อหน้า จนกระทั่งทำละเมิดโจทก์ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ได้พยายามอบรมสั่งสอนว่ากล่าวจำเลยที่ 1 ให้ประพฤติอยู่ในทางที่ชอบที่ควร และใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรเสมอมา วันเกิดเหตุจำเลยที่ 3 คุยอยู่กับจำเลยที่ 2 ซึ่งป่วยเป็นไข้มาเลเลียอยู่ในห้องในบ้านจำเลยอีกหลังหนึ่ง ไม่รู้เห็นขณะปืนลั่น และไม่รู้เห็นหรือยินยอม หรือปล่อยปละละเลยให้จำเลยที่ 1 หรือผู้ตายเอาปืนจำเลยที่ 3 มาเล่นจนปืนลั่น หากแต่จำเลยที่ 1 หรือผู้ตายหยิบเอาปืนของจำเลยที่ 3 ซึ่งเก็บไว้ในห้องส่วนตัวไปเล่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดค่าทดแทนที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ 33,190 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ โดยคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงิน 9,190 บาท ตั้งแต่วันฟ้องและคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงิน 24,000 บาท นับแต่วันพิพากษา

โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 30,190 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยคิดดอกเบี้ยในจำนวนเงิน 9,190 บาท นับแต่วันฟ้อง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ย่อมรู้ดีว่าปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรง หากจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้วจะต้องเก็บไว้ในที่ที่ไม่อาจจะพบเห็นได้โดยง่ายหรือถอดแมกกาซีนออกเสีย เพื่อป้องกันมิให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรอาจจะหยิบเอาไปเล่นจะทำให้ปืนลั่นขึ้นโดยความประมาท เหตุเกิดในห้องนอนของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยทั้งสองอาจเห็นได้ว่าการเก็บอาวุธปืนเช่นนั้น โดยปล่อยให้จำเลยที่ 1 เข้าไปอยู่ย่อมจะเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นได้ จำเลยน่าจะต้องห้ามปรามมิให้จำเลยที่ 1 เข้าไปเพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะเกิดจากอาวุธปืนนั้นพฤติการณ์ดังกล่าวไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของบิดามารดา จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในการละเมิดนี้

พิพากษายืน

Share