คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีในนามของโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท มิใช่ฟ้อง ในฐานะทำการแทนบริษัทเพื่อบังคับจำเลยให้รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง กรรมการและอำนาจกรรมการของบริษัทให้โจทก์เป็นกรรมการแต่เพียงผู้เดียว มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท อันถือได้ว่าโจทก์ เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง จึงมีอำนาจฟ้องคดีในขณะยื่นฟ้อง แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทและไม่ได้เกี่ยวข้อง กับบริษัทอีกต่อไปแล้วทั้งที่ประชุมวิสามัญของผู้ถือหุ้นได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่ากรรมการบริษัทประกอบด้วยกรรมการ 2 คน ไม่ใช่โจทก์ จึงถือว่าโจทก์ ไม่มีส่วนได้เสียโดยตรงในคดีนี้อีกต่อไป อำนาจฟ้องของโจทก์จึงหมดลง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นกรรมการบริษัทซึ่งจดทะเบียนกับหน่วยงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองทะเบียนธุรกิจและเป็นนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร สังกัดกรมจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 เป็นผู้อำนวยการกอง กองทะเบียนธุรกิจและนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร โจทก์ในฐานะกรรมการของบริษัทได้เรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของผู้ถือหุ้นแทนผู้ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการตามวาระโดยคงมีโจทก์เป็นกรรมการบริษัทแต่ผู้เดียว ต่อมาโจทก์นำมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นไปยื่นขอจดทะเบียนต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2ซึ่งเป็นนายทะเบียนสำนักงานดังกล่าวขณะนั้น แต่สำนักงานดังกล่าวไม่รับจดทะเบียนตามคำขอของโจทก์ โดยอ้างว่าการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมกรรมการและไม่มีหลักฐานว่ากรรมการต้องพ้นตำแหน่งตามวาระ โจทก์ทำหนังสือคัดค้านคำสั่งไม่รับจดทะเบียนดังกล่าวต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 ในฐานะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร มีหนังสือยืนยันไม่รับจดทะเบียนตามที่โจทก์ร้องขอโดยอ้างว่าการนัดเรียกประชุมผู้ถือหุ้นมิได้จัดขึ้นโดยมีมติของคณะกรรมการจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งและขัดขวางสิทธิอันชอบธรรมของโจทก์และบริษัท ขอให้บังคับจำเลยที่ 3 ในฐานะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร และจำเลยที่ 1 ในฐานะต้นสังกัดรับจดทะเบียนตามคำขอของโจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า การเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปีของผู้ถือหุ้นกระทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายและข้อบังคับตามบริษัท โจทก์ผู้เดียวเป็นผู้เรียกประชุมโดยไม่ได้รับความเห็นชอบของกรรมการอื่น หรือมีมติของคณะกรรมการเรียกประชุมแต่อย่างใด ผลของการประชุมใหญ่จึงไม่ชอบ จำเลยที่ 2 จึงปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการและอำนาจกรรมการ โจทก์เป็นเพียงกรรมการของบริษัทไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัท จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ในฐานะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครและจำเลยที่ 1 ในฐานะต้นสังกัดรับจดทะเบียนตามคำขอของโจทก์

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีในนามของโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทมิใช่ฟ้องในฐานะทำการแทนบริษัท เพื่อบังคับให้จำเลยรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการและอำนาจกรรมการของบริษัทให้โจทก์เป็นกรรมการแต่เพียงผู้เดียวมีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท อันถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง จึงมีอำนาจฟ้องคดีขณะยื่นฟ้อง แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทและไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทอีกต่อไปแล้วทั้งที่ประชุมวิสามัญของผู้ถือหุ้นได้มีมติเป็นเอกฉันท์ยืนยันว่าคณะกรรมการของบริษัทประกอบด้วยกรรมการ 2 คน ซึ่งไม่ใช่โจทก์ จึงถือว่าโจทก์ไม่มีส่วนได้เสียโดยตรงในคดีนี้อีกต่อไป อำนาจฟ้องของโจทก์จึงหมดลง ไม่มีอำนาจฟ้องอีกต่อไป

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share