คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีไปตามคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเข้าดำเนินคดีแทนจำเลย เมื่อโจทก์ได้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายแล้วเท่ากับเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องต่อเนื่องเกี่ยวโยงกับคดีนี้หากการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไม่อาจดำเนินไปจนถึงที่สุดได้เพราะศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องใน คดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยกคำขอของโจทก์เสีย โจทก์ ก็ชอบที่จะกลับมาดำเนินคดีต่อไปได้ คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้น หาได้ประสงค์ให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลทีเดียวไม่ โจทก์ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์เนื่องจากศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในคดีล้มละลาย โจทก์ จึงขอให้ศาลนำคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป จำเลยยื่นคำคัดค้านว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์และทำความเห็นเสนอต่อศาลจนกระทั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์อ้างและพิพากษายกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ คดีถึงที่สุดไปแล้ว ดังนี้ หากได้ความจริงตามคำคัดค้านของจำเลยโจทก์ก็ต้องผูกพันตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่มีมูลหนี้ในคดีนี้อีก ย่อมไม่มีเหตุที่จะให้ ยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะทำการไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นความจริงดังคำร้องของโจทก์หรือคำคัดค้านของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยมิได้ทำการไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญก่อนและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ถือว่าศาลล่างทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาและมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ประกอบด้วยมาตรา 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยจำเลยให้การต่อสู้คดี หลังจากสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษาจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เข้าดำเนินคดีแทนจำเลยและยื่นคำร้อง ได้ประกาศให้เจ้าหนี้ของจำเลยไปยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว โจทก์จะต้องไปขอชำระหนี้เช่นกัน โจทก์ดำเนินคดีนี้ต่อไปไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด ขอให้จำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของโจทก์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ได้ไปยื่นคำของรับชำระหนี้แล้ว แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ เนื่องจากศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในคดีล้มละลาย โจทก์จึงขอให้นำคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป

จำเลยยื่นคำคัดค้านว่า คำสั่งจำหน่ายคดีเป็นคำสั่งเด็ดขาดและถึงที่สุดแล้ว ไม่มีคดีในสารบบความที่จะให้พิจารณาต่อไป โจทก์ได้นำมูลหนี้คดีนี้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนแล้วเสนอความเห็นต่อศาล ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า มูลหนี้ตามเช็คพิพาทเป็นมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว หลังจากนั้นศาลฎีกาจึงพิพากษายกฟ้องในคดีล้มละลาย โจทก์จึงไม่อาจยกคดีนี้พิจารณาต่อไปได้อีก ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเพื่อให้โจทก์ไปขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วเท่ากับเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องต่อเนื่องเกี่ยวโยงกับคดีนี้ และหากการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มะลายไม่อาจดำเนินไปจนถึงที่สุดได้เพราะศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์เสียดังโจทก์อ้าง โจทก์ชอบที่จะกลับมาดำเนินคดีต่อไปได้ คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นหาได้ประสงค์ให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลทีเดียวไม่ แต่คดีนี้จำเลยคดัค้านว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์และทำความเห็นเสนอต่อศาล จนกระทั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์อ้างและพิพากษายกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ คดีถึงที่สุดไปแล้ว ดังนี้เห็นว่า หากได้ความเป็นความจริงตามคำคัดค้านของจำเลย โจทก์ก็ต้องผูกพันตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่มีมูลหนี้ในคดีนี้อีกย่อมไม่มีเหตุที่จะให้ยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะทำการไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นความจริงดังคำร้องของโจทก์หรือคำคัดค้านของจำเลย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยมิได้การไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญก่อนและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนถือว่าศาลล่างทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา และมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ประกอบด้วยมาตรา 247

พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนต่อไปตามนัยที่วินิจฉัยข้างต้นแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share