คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์เก๋งรับจ้างสาธารณะ คันหมายเลขทะเบียน 1 ท-3725 และนำไปวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่ รถยนต์รับจ้างสาธารณะคันดังกล่าวเป็นประจำ หรือจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่1 เชิดจำเลยที่ 3 ออกแสดงเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1โดยการขับรถยนต์สาธารณะคันดังกล่าว ซึ่งมีตราหรือเครื่องหมายอันเป็น สัญญลักษณ์ของจำเลยที่ 3 ติดอยู่ที่ประตูด้านหลังของรถยนต์คันดังกล่าว และยังบรรยายฟ้องต่อไปอีกว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีผลประโยชน์ร่วมกันในการใช้รถยนต์คันดังกล่าวรับจ้างขนส่งผู้โดยสารจำเลยที่2 จึงต้อง ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 ด้วยแสดงให้เห็นว่านอกจากโจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับผิดฐานนายจ้างของจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ยังฟ้องขอให้จำเลยที่ 3 รับผิดในฐานะจำเลยที่ 3 เชิดให้ จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ในการรับประกันวินาศภัยโจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน 2 ก-9853 กรุงเทพมหานครจากนายแสงชัย ชัยเชาวรัตน์ ในประเภทชดใช้ค่าเสียหายโดยสิ้นเชิง อายุสัญญาประกันภัย 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2522 ถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2523จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์เก๋งรับจ้างสาธารณะคันหมายเลขทะเบียน 1 ท-3725กรุงเทพมหานคร และได้นำไปวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีวัตถุประสงค์ในการรับขนคนโดยสาร จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1เป็นผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างสาธารณะคันดังกล่าวหรือจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 1เชิดจำเลยที่ 3 ออกแสดงเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 โดยการขับรถยนต์สาธารณะคันดังกล่าวมีตราหรือเครื่องหมายอันเป็นสัญญลักษณ์ของจำเลยที่ 3 ติดอยู่ที่ประตูด้านหลังของรถยนต์คันดังกล่าว โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีผลประโยชน์ร่วมกัน ขณะเกิดเหตุคดีนี้ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2522 เวลาประมาณ 14.20 นาฬิกาจำเลยที่ 1 ขณะปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือในกิจการของจำเลยที่ 2 และที่ 3ได้ขับรถยนต์เก๋งรับจ้างคันดังกล่าวไปตามถนนพระราม 4 จากด้านคลองเตยโฉมหน้าไปทางแยกศาลาแดงด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง เมื่อขับรถมาถึงบริเวณสี่แยกวิทยุ ได้เลี้ยวขวาเพื่อจะกลับรถไปทางด้านคลองเตยที่เกาะกลางถนนด้วยความเร็วสูง เป็นเหตุให้รถยนต์คันดังกล่าวพุ่งเข้าชนรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน 2 ก-9853 ของนายแสงชัยซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหายในระหว่างอายุประกันภัย โจทก์ได้จ่ายค่าซ่อมเป็นเงิน 30,000 บาทจึงได้รับช่วงสิทธิ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 30,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างหรือถูกว่าจ้างจากจำเลยที่ 2รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1 ท-3725 เป็นของจำเลยที่ 2 จริง แต่จำเลยที่ 1เช่าไปเป็นรายวัน จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำการตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 และที่ 3จำเลยที่ 2 เข้าร่วมกับจำเลยที่ 3 ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยซึ่งบังคับให้รถยนต์รับจ้างคนโดยสารสาธารณะประกอบกิจการค้าในรูปของสหกรณ์เท่านั้นจำเลยที่ 2 ต้องชำระค่าใช้สิทธิของจำเลยที่ 3 เป็นรายเดือน จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างและไม่ได้ขับขี่รถยนต์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จำเลยที่ 3 ไม่ได้มีผลประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ 2 เหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นเพราะนายแสงชัยขับด้วยความประมาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหาย 30,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่ 3

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันรับผิด ใช้ค่าเสียหายร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่า คำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายเกี่ยวกับตัวการตัวแทน ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 ในเรื่องตัวการแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 ประกอบด้วยมาตรา 427 จึงเป็นการพิพากษานอกฟ้องไม่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142นั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 1 วรรคสุดท้ายไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์เก๋งรับจ้างสาธารณะคันหมายเลขทะเบียน 1 ท-3725 และนำไปวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างสาธารณะคันดังกล่าวเป็นประจำ หรือจำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 1เชิดจำเลยที่ 3 ออกแสดงเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 โดยการขับรถยนต์สาธารณะคันดังกล่าวซึ่งมีตราหรือเครื่องหมายอันเป็นสัญญลักษณ์ของจำเลยที่ 3 ติดอยู่ที่ประตูด้านหลังของรถยนต์คันดังกล่าวและยังบรรยายฟ้องต่อไปอีกว่า จำเลยที่ 2และที่ 3 มีผลประโยชน์ร่วมกันในการใช้รถยนต์คันดังกล่าวรับจ้างขนส่งผู้โดยสารจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 ด้วย แสดงให้เห็นว่านอกจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับผิดฐานเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ยังฟ้องขอให้จำเลยที่ 3 รับผิดในฐานะจำเลยที่ 3 เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 ด้วย เมื่อคดีได้ความว่า จำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์รับจ้างสาธารณะคันเกิดเหตุออกวิ่งรับคนโดยสารในนามสหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพ จำกัดซึ่งเป็นชื่อของจำเลยที่ 3 โดยเปิดเผย โดยจำเลยที่ 3 มีผลประโยชน์จากจำเลยที่ 2ผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เท่ากับจำเลยที่ 3 เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 นั่นเอง บุคคลทั่วไปย่อมเข้าใจว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ประกอบการเดินรถยนต์รับจ้างสาธารณะรับบรรทุกคนโดยสารในกิจการของจำเลยที่ 3 เองจำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองรถยนต์รับจ้างสาธารณะคันดังกล่าวและได้นำเข้าวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 3 เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 3 ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันรับผิดในเรื่องตัวการตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 ประกอบมาตรา 427 จึงเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีโดยตรง หาเป็นการพิจารณานอกฟ้องดังจำเลยฎีกาไม่

พิพากษายืน

Share