แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หลังจากจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว จำเลยไม่ได้อยู่รอฟังคำสั่งแต่ได้ให้คำรับรองไว้ว่า ตนรอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอก็ให้ถือว่าทราบแล้วศาลชั้นต้นได้เกษียนสั่งในคำให้การของจำเลยในวันเดียวกันนั้นเองให้รับคำให้การจำเลยสำเนาให้โจทก์นัดพร้อมตัวความและสืบพยานโจทก์ฯลฯแม้เจ้าหน้าที่ศาลได้กำหนดวันสืบพยานโจทก์โดยไม่มีลายมือชื่อฝ่ายจำเลยทราบวันสืบพยานโจทก์ในบัญชีนัดพิจารณาคดีของศาลก็ตามแต่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ศาลที่กำหนดวันสืบพยานโจทก์นั้นถือว่าได้กระทำหรือปฏิบัติภายใต้การกำกับดูแลหรือตามคำสั่งศาลคดีจึงถือว่าจำเลยทราบคำสั่งศาลในวันที่จำเลยยื่นคำให้การที่จำเลยอ้างว่าป่วยไม่ได้มาศาลก่อนที่จำเลยทราบก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่จำเลยทราบคำสั่งแล้ว และถือว่าจำเลยไม่มาศาลในวันสืบพยานโจทก์เป็นการจงใจขาดนัดพิจารณา
ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จะต้องกล่าวในคำขอให้พิจารณาใหม่โดยชัดแจ้งให้เห็นว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไรคำขอให้พิจารณาใหม่ตลอดจนคำให้การของจำเลยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์ได้รู้ความจริงว่า เช็คตามฟ้องไม่มีมูลหนี้ตามเช็คหรือโจทก์รับโอนเช็คด้วยการคบคิดกับผู้ที่รับเช็คไว้จากจำเลยเพื่อฉ้อฉลจำเลยไม่ได้ให้การไว้โดยชัดแจ้งว่าขณะที่โจทก์รับมอบเช็คนั้นไว้ โจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและมีคำสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็คนั้นคดีจึงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบหรือรับเช็คนั้นไว้โดยสุจริตจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นแม้จะพิจารณาใหม่ จำเลยก็ไม่อาจชนะคดีได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายจำนวนเงิน28,154 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้มีชื่อเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อสินค้าผู้มีชื่อไม่ส่งสินค้าให้จำเลย จำเลยจึงแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และสั่งให้ธนาคารอายัดเช็คนั้นซึ่งโจทก์ก็ทราบโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ไม่มีสิทธินำเช็คมาฟ้องจำเลย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้อง ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว โจทก์นำพยานเข้าสืบแล้ว แถลงหมดพยาน ศาลชั้นต้นได้ทำคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้นโดยพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 30,125 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีของต้นเงินจำนวน 28,154 บาท ฯลฯ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณาแต่จำเลยไม่มีทางชนะคดี พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 500 บาทแทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ภายหลังจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้วจำเลยไม่ได้อยู่รอฟังคำสั่ง ศาลชั้นต้นเกษียณสั่งในคำให้การของจำเลยในวันเดียวกับที่จำเลยยื่นคำให้การว่า “รับเป็นคำให้การจำเลยสำเนาให้โจทก์ คดีไม่มีข้อยุ่งยาก ไม่จำต้องชี้สองสถาน นัดพร้อมตัวความและสืบพนายโจทก์ หมายแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบ ไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด เว้นแต่ทราบนัดแล้วก็ให้งดออกหมาย” และคำให้การจำเลยในหน้าแรกตอนล่างมีข้อความว่า “ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” แม้เจ้าหน้าที่ศาลได้กำหนดวันสืบพยานโจทก์โดยไม่มีลายมือชื่อฝ่ายจำเลยทราบวันสืบพยานโจทก์ในบัญชีนัดพิจารณาคดีของศาลก็ตาม แต่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ศาลที่กำหนดวันสืบพยานโจทก์นั้นถือว่าได้กระทำหรือปฏิบัติภายใต้การกำกับดูแลหรือตามคำสั่งศาล จำเลยได้ให้คำรับรองว่า ตนรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอก็ให้ถือว่าทราบแล้วซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งดังกล่าวในวันที่จำเลยยื่นคำให้การนั้นเองคดีจึงถือว่าจำเลยทราบคำสั่งศาลในวันที่จำเลยยื่นคำให้การ ที่จำเลยอ้างว่าป่วยไม่ได้มาศาลก่อนที่จำเลยทราบ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่จำเลยทราบคำสั่งศาลแล้วและถือว่าจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ เป็นการจงใจขาดนัดพิจารณา
สำหรับข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จะต้องกล่าวในคำขอให้พิจารณาใหม่โดยชัดแจ้งให้เห็นว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร คำขอให้พิจารณาใหม่ตลอดจนคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์ได้รู้ความจริงว่าเช็คตามฟ้องไม่มีมูลตามเช็ค หรือโจทก์รับโอนเช็คด้วยการคบคิดกับผู้ที่รับเช็คไว้จากจำเลยเพื่อฉ้อฉลจำเลยไม่ได้ให้การไว้โดยชัดแจ้งว่าขณะที่โจทก์รับมอบเช็คนั้นไว้ โจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและมีคำสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็คนั้น จึงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบ หรือรับเช็คนั้นไว้โดยสุจริต จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น ดังนั้นแม้จะพิจารณาใหม่ จำเลยก็ไม่อาจชนะคดีได้
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 600 บาทแทนโจทก์