คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2735/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโดยตกลงกันว่าจะชำระเงินสุดท้าย 1 กรกฎาคม 2523 และตกลงอีกว่า หากโจทก์มีเงินพร้อมที่จะชำระราคาที่ดินทั้งหมดเมื่อใด จำเลยก็พร้อมจะโอนที่ดินนั้นให้ทันที เห็นได้ว่าการสละเงื่อนเวลานี้ไม่กระทบกระทั่งถึงประโยชน์ของจำเลย ทั้งจำเลยยินยอมให้โจทก์สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นได้ โจทก์จึงมีสิทธิขอชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือทั้งหมดและขอให้จำเลยจดทะเบียนขายที่ดินให้ได้ จำเลยจะอ้างว่ายังไม่ครบกำหนดเวลาผ่อนชำระราคาที่ดิน หาได้ไม่

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องคืนมัดจำ เงินที่ผ่อนชำระแล้ว ค่าปรับปรุงที่ดินที่โจทก์เสียไปและเบี้ยปรับ รวมเป็นเงิน 83,100 บาท จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันฟังได้ว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินตามฟ้องกันตามเอกสารหมาย จ.1โจทก์ได้วางมัดจำไว้ 35,000 บาท มีข้อตกลงใน สัญญาว่าราคาที่ดินอีก 45,000บาท โจทก์ต้องผ่อนชำระเป็นรายเดือนเป็นเงินเดือนละ 1,000 บาท จะชำระหมดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2523 หากโจทก์ผิดสัญญายอมให้ริบมัดจำทั้งหมดหากจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมจดทะเบียนขาย ยอมให้โจทก์ฟ้องร้องให้ปฏิบัติตามสัญญา และยอมชดใช้ค่าเสียหาย 60,000 บาทอีกส่วนหนึ่งด้วย โจทก์จำเลยตกลงกันด้วยวาจาว่า หากโจทก์มีเงินพร้อมที่จะชำระค่าที่ดินเมื่อใดจำเลยก็จะโอนที่ดินให้ทันที เมื่อทำสัญญากันแล้วโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่จะซื้อและได้ผ่อนชำระค่าที่ดินตามสัญญาอยู่ 7 งวด เป็นเงิน 7,400 บาท ตามเอกสารหมาย จ.2” ฯลฯ

“ปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ว่าจำเลยไม่ได้ผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเพราะตามสัญญาครบกำหนดที่โจทก์จะต้องผ่อนชำระราคาที่ดินครั้งสุดท้ายวันที่ 1 กรกฎาคม 2523 เมื่อยังไม่ครบกำหนด จำเลยก็ยังไม่มีหน้าที่ปฏิบัติการชำระหนี้ (โอนที่ดิน) นั้น เห็นว่าประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นฝ่ายใดจะสละเสียก็ได้ แต่การสละย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงประโยชน์อันคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งจะพึงได้รับแต่เงื่อนเวลานั้น ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 154 วรรคสอง การที่โจทก์จำเลยตกลงกันว่า หากโจทก์มีเงินพร้อมที่จะชำระราคาที่ดินทั้งหมดเมื่อใด จำเลยก็พร้อมจะโอนที่ดินนั้นให้ทันทีนั้น เห็นได้ว่าการสละนี้ไม่กระทบกระทั่งถึงประโยชน์ของจำเลย ทั้งจำเลยยินยอมให้โจทก์สละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นได้ โจทก์จึงมีสิทธิขอชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือทั้งหมดและขอให้จำเลยจดทะเบียนขายที่ดินให้ได้ จำเลยจะอ้างว่ายังไม่ครบกำหนดเวลาผ่อนชำระราคาที่ดินหาได้ไม่” ฯลฯ

“พิพากษาแก้เฉพาะจำนวนเงินเบี้ยปรับเป็นให้จำเลยชำระแก่โจทก์ 20,000 บาท เมื่อรวมกับค่ามัดจำ เงินค่าที่ดินที่โจทก์ชำระแล้ว และค่าปรับปรุงที่ดิน เป็นเงินที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ทั้งสิ้น 75,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,000 บาทแทนโจทก์ด้วย”

Share