คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2556/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์เพิ่มวงเงินค้ำประกันจาก 30,000 บาท เป็น 50,000 บาท เป็นคำสั่งอันนอกเหนือจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ของโจทก์ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุที่โจทก์ไม่สามารถจัดหาผู้ค้ำประกันเพิ่มขึ้นได้ตามความประสงค์ของจำเลย ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 (3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำเพราะเหตุโจทก์ไม่สามารถเพิ่มวงเงินประกันการทำงานจาก ๓๐,๐๐๐ บาท เป็น ๕๐,๐๐๐ บาทได้ โดยที่โจทก์ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งหรือต้องรับผิดชอบในหน้าที่การงานสูงขึ้น จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าจ้างที่ค้างชำระ
จำเลยให้การว่า จำเลยเรียกประชุมพนักงานและออกระเบียบข้อบังคับว่าให้พนักงานจัดหาบุคคลมาค้ำประกันการทำงานให้เรียบร้อยภายใน ๓๐ วัน พนักงานที่มีสัญญาค้ำประกันในวงเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ให้เพิ่มเป็น ๕๐,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม จำเลยให้เวลาอีก ๗ วัน โจทก์ก็ยังเพิกเฉย จำเลยจึงสั่งพักงานโจทก์ ๓ วัน และให้จัดหาผู้ค้ำประกันภายในเวลาดังกล่าว แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ฯ และคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างค้างชำระแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าชดเชยว่าคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์เพิ่มวงเงินค้ำประกันจาก ๓๐,๐๐๐ บาท เป็น ๕๐,๐๐๐ บาทดังกล่าว เป็นคำสั่งอันนอกเหนือจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ของโจทก์ ฉะนั้นการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุที่โจทก์ไม่สามารถจัดหาผู้ค้ำประกันเพิ่มขึ้นได้ตามความประสงค์ของจำเลยนั้น จึงมิใช่กรณีที่ต้องด้วยข้อยกเว้น ที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ตามนัยแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔๗ (๓) จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ สำหรับค่าจ้างที่ค้างศาลแรงงานกลางพิพากษาไม่ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างแก่โจทก์เป็นเงิน ๖๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.

Share