แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสอง บัญญัติไว้ชัดว่า พยานที่จะรับรองลายพิมพ์นิ้วมือต้องมี 2 คน ปรากฏว่าตามสัญญากู้ยืมเงินมี ผ. เป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยเพียงคนเดียว ส่วนโจทก์ลงลายมือชื่อแต่ในช่องผู้ให้กู้เท่านั้น ไม่ได้ลงลายมือชื่อในช่องพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือแม้โจทก์จะเป็นผู้เขียนข้อความตามสัญญากู้ยืมเงิน โดยเฉพาะจะได้เขียนข้อความว่า”รอยพิมพ์นิ้วมือ ง.” ไว้ก็ตาม แต่โจทก์มิได้ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยด้วย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยจึงมีไม่ถึง 2 คน สัญญากู้ยืมเงินย่อมจะถือเสมอกับจำเลยลงลายมือชื่อยังไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้จำนวน 252,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์หลอกลวงจำเลยให้พิมพ์ลายนิ้วมือลงในหนังสือสัญญากู้ยืมโดยไม่มีข้อความอื่นใด สัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันกู้ (1 กันยายน 2536) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระแล้วเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 52,500 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินตามเอกสารหมาย จ.1 โดยโจทก์ลงลายมือชื่อในช่องผู้ให้กู้เพียงแห่งเดียว จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือในช่องผู้กู้ ส่วนในช่องพยานคงมีแต่นายผัด เขื่อนสุวรรณ์ ลงชื่อเป็นพยานและให้ความยินยอมในฐานะเป็นสามีจำเลย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องให้บังคับคดีได้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสอง บัญญัติไว้ชัดว่าพยานที่จะรับรองลายพิมพ์นิ้วมือต้องมี 2 คน ปรากฏว่าตามสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 มีนายผัดเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยเพียงคนเดียวส่วนโจทก์ลงลายมือชื่อแต่ในช่องผู้ให้กู้เท่านั้น ไม่ได้ลงลายมือชื่อในช่องพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ แม้โจทก์จะเป็นผู้เขียนข้อความตามสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1โดยเฉพาะจะได้เขียนข้อความว่า “รอยพิมพ์นิ้วมือนางเงิน เขื่อนสุวรรณ์” ไว้ก็ตามแต่โจทก์มิได้ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยด้วย ดังนี้ถือไม่ได้ว่าโจทก์ลงชื่อเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลย พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยจึงมีไม่ถึง 2 คน สัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 ย่อมจะถือเสมอกับจำเลยลงลายมือชื่อยังไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์