คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีภายในวงเงิน700,000 บาท จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ราย นี้เป็นจำนวนเงิน 700,000บาทตามสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองระบุว่าเมื่อลูกหนี้ เบิกเงินเกินกว่ายอดเงินในบัญชีของ ลูกหนี้หรือลูกหนี้เป็นหนี้ผู้รับจำนอง อยู่ในเวลานี้หรือที่จะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้าฯลฯผู้จำนองและ หรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบด้วยทั้งสิ้นเมื่อมีการบังคับจำนองเอาทรัพย์สิน ซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระฯลฯ เงินยังขาดอยู่จำนวนเท่าใดผู้จำนองและหรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบรับใช้เงิน ที่ขาดให้แก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วนและจำเลยที่ 2 ยังทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวจนกว่าธนาคารจะได้ รับและถึงแม้ ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตามอันทำให้ ธนาคารไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับ ลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญานั้นทันทีตีความตาม สัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 2 รับผิดชำระหนี้จำนวน 700,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยด้วยเท่านั้น หาใช่ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์เป็นเงิน700,000 บาท ดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 700,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อโจทก์ในขณะทำสัญญาจำนองหรือที่จะมีขึ้นต่อไปในภายหน้า และจำเลยที่ 2 ยังได้ทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมในวันทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ 1,310,872 บาท จำเลยที่ 1 ได้เดินสะพัดทางบัญชีเรื่อยมาจนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2524 จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์รวม 9,038,006.60 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่าไม่มีเจตนาทำสัญญาค้ำประกันตามฟ้อง แต่ได้ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญาของโจทก์โดยเข้าใจว่าเป็นเรื่องจำนอง ซึ่งจำกัดวงเงินไว้เพียง700,000 บาท เท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 7,715,373.53 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2523 ถึงวันที่29 มิถุนายน 2523 หลังจากนั้นให้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จส่วนจำเลยที่ 2 ให้ชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 700,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 26 เมษายน 2522 จนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2521 จำเลยที่ 1 เปิดบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวันไว้กับธนาคารโจทก์ วันที่ 25 เมษายน 2522 จำเลยที่ 2ทำสัญญาจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหนี้โจทก์อยู่ในเวลานั้นหรือต่อไปในภายหน้าเป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท โดยยอมให้ดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ 15 ต่อปีตามเอกสารหมาย จ.4 วันที่ 26 เมษายน 2522จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์จำนวนเงิน 700,000 บาท ดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมตามเอกสารหมาย จ.5 วันที่ 13 มิถุนายน 2523จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ 7,903,643.05 บาท สัญญาบัญชีเดินสะพัดเลิกกันเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2523
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า สัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 2 ทำกับโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 เป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2522ตามเอกสารหมาย จ.3 สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าว ข้อ 1. มีข้อความว่า”ผู้กู้ได้ขอกู้เงินตามวิธีและธรรมเนียมประเพณีการเบิกเงินเกินบัญชีของธนาคารจากผู้ให้กู้ จำนวนเงิน 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) ตามบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 437 ซึ่งตกลงกันว่าผู้กู้จะเบิกเงินไปจากผู้ให้กู้ตามจำนวนและเวลาที่ผู้กู้ต้องการและตามที่ผู้ให้กู้จะพึงพิจารณาอนุญาตตามที่เห็นสมควร บรรดาใบเบิกเงินหรือคำสั่งจ่ายเงินของผู้กู้ซึ่งจะเป็นเช็คหรือเอกสารในรูปใด ๆ ก็ดี ให้ถือเป็นหลักฐานแห่งหนี้เงินกู้รายนี้ และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งแห่งสัญญานี้ และเงินอันผู้กู้จะพึงเบิกไปจากผู้ให้กู้ตามใบเบิกเงินหรือคำสั่งจ่ายเงินเช่นว่านั้นเป็นหนี้เงินกู้ตามสัญญานี้เช่นกัน”สัญญาจำนองและสัญญาต่อท้าย ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจำนอง ข้อ 1.มีข้อความว่า “ผู้จำนองได้จำนองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ฯลฯ เป็นประกันเงินซึ่งผู้จำนองและหรือนายอาทร ณ ถลาง (ลูกหนี้) เป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในเวลานี้ หรือในเวลาใดเวลาหนึ่งต่อไปในภายหน้าเป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) ในเรื่องเงินที่ผู้จำนองและหรือลูกหนี้ที่กล่าวแล้วข้างต้นจะได้เบิกไปจากผู้รับจำนองเกินกว่ายอดเงินในบัญชีของผู้จำนองและหรือลูกหนี้หรือในเรื่องเงินจำนวนใดจำนวนหนึ่งซึ่งผู้จำนองและหรือลูกหนี้เป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในเวลานี้หรือจะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้า ฯลฯ” และสัญญาค้ำประกัน ข้อ 1. มีข้อความว่า “ตามที่นายอาทร ณ ถลาง ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่าผู้กู้ ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับผู้ให้กู้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ลงวันที่ 26 เดือนเมษายน พ.ศ. 2522 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี บัญชีกระแสรายวันเลขที่ 437 นั้น ผู้ค้ำประกันยอมเข้าค้ำประกันการชำระหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวพร้อมทั้งต้นเงินกับดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นใดตามสัญญากู้ที่กล่าวแล้วจนกว่าผู้ให้กู้จะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิง โดยตกลงยินยอมเป็นลูกหนี้ร่วมกับผู้กู้ในอันที่จะปฏิบัติตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ผู้กู้ทำไว้กับผู้ให้กู้ทุกประการ” ข้อ 2. มีข้อความว่า “ถ้าแม้ว่าผู้กู้ไม่ชำระหนี้และหรือไม่สามารถชำระหนี้ตามสัญญากู้ที่กล่าวแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ หรือว่าผู้กู้ล้มละลายหรือตายหรือกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือสาบสูญ หรือไปเสียจากถิ่นที่อยู่หรือหาตัวไม่พบ หรือมีกรณีอื่นใดอันกระทำให้ผู้ให้กู้ไม่ได้รับชำระหนี้ตามสัญญากู้ที่กล่าวแล้วเต็มจำนวนและตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญากู้หรือไม่ก็ตาม ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญากู้นั้นทันที” แม้สัญญาค้ำประกันดังกล่าวจะมิได้กำหนดจำนวนเงินซึ่งจำเลยที่ 2 ค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ก็เห็นเจตนาได้ว่า จำเลยที่ 2 ยอมค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ในการเบิกเงินเกินบัญชีเพียงไม่เกินจำนวน 700,000 บาท ตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเท่านั้น ถ้าหากจำเลยที่ 2 ตกลงยอมค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนก็ไม่มีเหตุผลอย่างใดที่โจทก์จะให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้รายเดียวกันไว้เพียง 700,000 บาท ข้อความตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ว่า ผู้กู้จะเบิกเงินไปจากผู้ให้กู้ตามจำนวนและเวลาที่ผู้กู้ต้องการ และตามที่ผู้ให้กู้จะพึงพิจารณาอนุญาตตามที่เห็นสมควรนั้นหมายความว่า จำเลยที่ 1 จะเบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์จำนวนเท่าใดในเวลาใดก็ได้ภายในวงเงิน 700,000 บาทตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี ทั้งนี้โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์ด้วย ถ้าโจทก์ไม่เห็นสมควร ก็มีสิทธิไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีได้แม้จะอยู่ภายในวงเงิน 700,000 บาท ก็ตาม แต่การที่โจทก์ยอมให้จำเลยที่ 1 เบิกเงินเกินบัญชีเกินกว่าจำนวนเงิน 700,000 บาทโดยจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิเบิกนั้นเป็นเรื่องนอกเหนือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ทำไว้จะเกณฑ์ให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีพลอยต้องรับผิดด้วยหาได้ไม่ ส่วนข้อความตามสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองข้อ 1. และ ข้อ 5. ที่ว่า เมื่อลูกหนี้เบิกเงินเกินกว่ายอดเงินในบัญชีของลูกหนี้หรือลูกหนี้เป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในเวลานี้หรือที่จะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้า ฯลฯ ผู้จำนองและหรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบด้วยทั้งสิ้น เมื่อมีการบังคับจำนองเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระ ฯลฯเงินยังขาดอยู่จำนวนเท่าใด ผู้จำนองและหรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบรับใช้เงินที่ขาดให้แก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วนนั้น ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวอยู่ภายใต้บังคับข้อสัญญาจำนองที่ว่า ผู้จำนองได้จำนองกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นประกันเงินซึ่งผู้จำนองและหรือลูกหนี้เป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในเวลานี้หรือในเวลาใดเวลาหนึ่งต่อไปในภายหน้าเป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท จะตีความสัญญาว่าจำเลยที่ 2ยอมรับผิดเกินกว่าวงเงินที่จำนองหาได้ไม่ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลล่างทั้งสองว่าจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์จำกัดจำนวนเงินเพียง 700,000 บาทมิใช่รับผิดโดยไม่จำกัดจำนวนดังที่โจทก์ฎีกา แต่อย่างไรก็ดี เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จำนองประกันและผู้ค้ำประกันก็จะต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ด้วยตามสัญญาจำนอง จำเลยที่ 2 ยอมให้คำนวณดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบต้น และตามสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ยอมค้ำประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีซึ่งจำเลยที่ 1 ยอมให้คำนวณดอกเบี้ยทบต้นตามธรรมเนียมประเพณีของธนาคาร ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยที่ 2 ได้เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 จนถึงวันเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัด
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำระหนี้จำนวน 700,000 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี โดยวิธีทบต้นตามประเพณีธนาคารพาณิชย์นับแต่วันที่ 26 เมษายน 2522 ถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2523ซึ่งเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัด และดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันโดยไม่ทบต้นต่อจากนั้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

Share