คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5968/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ลูกจ้างเป็นลูกจ้างประจำรายเดือน ลักษณะการจ้างมิได้ถือเอาการทำงานแต่ละวันเป็นเกณฑ์ในการจ่ายค่าจ้าง การที่ลูกจ้างยื่นใบลาป่วย 1 วันเป็นเท็จ และนายจ้างไม่อนุมัติให้ลานั้น ถือว่าลูกจ้างขาดงานหรือละทิ้งหน้าที่ซึ่งนายจ้างมีสิทธิตัดค่าจ้างได้ตามระเบียบข้อบังคับการทำงานแต่เมื่อนายจ้างมิได้ตัดค่าจ้าง จึงเป็นกรณีนายจ้างไม่ใช้สิทธิของตนเอง จะอ้างว่าลูกจ้างแสวงหาประโยชน์จากค่าจ้างซึ่งเป็นการทุจริตต่อหน้าที่หรือฉ้อโกงและไม่จ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างหาได้ไม่ แต่การกระทำดังกล่าวถือได้ว่าลูกจ้างละทิ้งการงานไปเสียตาม ป.พ.พ. มาตรา 583 นายจ้างจึงมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 2,285 บาท และค่าครองชีพเดือนละ 400 บาทโจทก์ปวดศีรษะไม่สามารถไปทำงานได้ จึงเขียนใบลาหยุดฝากเพื่อนลไปยื่นต่อจำเลย เมื่อโจทก์ไปทำงานตามปกติปรากฏว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยให้ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ที่โจทก์กล่าวอ้างว่าปวดศีรษะไม่สามารถไปทำงานได้ไม่เป็นความจริง จำเลยได้ส่งคนไปตรวจสอบที่บ้านโจทก์ก็ไม่พบไปพบโจทก์นั่งดื่มสุราที่บ้านเพื่อน จำเลยไม่เชื่อว่าโจทก์ป่วยจนถึงขนาดไม่สามารถมาทำงานได้ตามที่ขอลา จึงได้เลิกจ้างโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่ชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยยว่า “…โจทก์เป็นลูกจ้างประจำรายเดือนลักษณะการจ้างมิได้ถือเอาการทำงานแต่ละวันเป็นเกณฑ์ในการจ่ายค่าจ้าง การที่โจทก์ยื่นใบลาขอลาป่วย 1 วันเป็นเท็จ และจำเลยไม่อนุมัติใบลาของโจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ขาดงานหรือละทิ้งหน้าที่ ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยกำหนดให้จำเลยมีสิทธิตัดค่าจ้างได้ แต่ปรากฏว่าจำเลยได้จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์เต็มจำนวนโดยมิได้ตัดค่าจ้างของโจทก์ จึงเป็นกรณีที่จำเลยไม่ใช้สิทธิของจำเลยเอง จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ยื่นใบลาขอบาป่วยเป็นเท็จเป็นการแสวงหาประโยชน์จากค่าจ้างซึ่งเป็นการทุจริตต่อหน้าที่หรือฉ้อโกงจำเลยหาได้ไม่ ระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยก็มิได้กำหนดให้การกระทำของโจทก์เป็นความผิดกรณีที่ร้ายแรง ทั้งกรณีไม่ต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3) ซึ่งจำเลยจะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 2747/2525ระหว่าง บริษัท เอ.เอ็น.บี.ลาบอราตอรี่ (อำนายเภสัช) จำกัดโจทก์ นายอร่าม สุทธะพินธุ กับพวก จำเลย…2
…ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 บัญญัติว่า”ถ้าลูกจ้างจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หรือละเว้นไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณก็ดี ละทิ้งการงานไปเสียก็ดี กระทำความผิดอย่างร้างแรงก็ดี หรือทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตก็ดี ท่านว่านายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้า… ก็ได้ตามบทบัญญัติดังกล่าว ถ้าลูกจ้างกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กล่าว นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ฉะนั้น การที่โจทก์ยื่นใบลาป่วยเป็นเท็จและจำเลยไม่อนุมัติใบลาของโจทก์ ซึ่งถือว่าโจทก์ขาดงานหรือละทิ้งการงาน การกระทำของโจทก์จึงเป็นความผิดฐานละทิ้งการงานไปเสีย จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่างหน้า…
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share