คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มีหนังสือมอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการเก็บรักษาซ่อมแซม แจ้งความ กล่าวโทษ และแจ้งราคาค่าเสียหายของทรัพย์ และรับชำระหนี้ที่ผู้ละเมิดยอมชดใช้ให้ในชั้นแจ้งความที่สถานีตำรวจเท่านั้น ส่วนการติดตามทวงถามเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ละเมิดซึ่งไม่ยอมชดใช้ โจทก์จะดำเนินการเองโดยขอให้การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นให้โจทก์ทราบ ดังนี้ถือไม่ได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้การไฟฟ้านครหลวงเป็นตัวแทนโจทก์ในการติดตามทวงถามเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยผู้ทำละเมิด เมื่อเหตุคดีนี้เกิดเมื่อวันที่22 สิงหาคม 2524 จำเลยไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ครั้นวันที่ 16กุมภาพันธ์ 2525 การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเรื่องการละเมิดและผู้ทำละเมิดให้โจทก์ทราบ ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2525นับแต่วันที่การไฟฟ้านครหลวงแจ้งให้โจทก์ทราบจนถึงวันฟ้องเป็นเวลายังไม่เกิน 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 4,006.95 บาท จำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินดังกล่าวแก่โจทก์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2525 โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์กับการไฟฟ้านครหลวงมีข้อตกลงกันตามหนังสือที่ กทม.0306/17349 ลงวันที่ 28 กันยายน 2519 ว่ากรุงเทพมหานคร มอบให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการเก็บรักษา ซ่อมแซมแจ้งความ กล่าวโทษและแจ้งราคาค่าเสียหายของทรัพย์สินและรับชำระหนี้ในกรณีที่ผู้ละเมิดหรือผู้ต้องรับผิดยอมชดใช้ให้ในชั้นแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วย เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2524 จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่การไฟฟ้านครหลวงแล้วเป็นเงิน 13,886.14 บาท ที่สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน แสดงว่าโจทก์ทราบเหตุผลคดีนี้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2524 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29กันยายน 2525 คดีโจทก์จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายและดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 4,332.51 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ต่อปีในต้นเงิน 4,006.95 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ด้วยโดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 500 บาท
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์เป็นเงิน 300 บาทแทนโจทก์
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ตามหนังสือที่ กทม. 0306/17349 ลงวันที่ 28 กันยายน 2519 โจทก์มอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการเก็บรักษา ซ่อมแซม แจ้งความ กล่าวโทษและแจ้งราคาค่าเสียหายของทรัพย์ และรับชำระหนี้ที่ผู้ละเมิดยอมชดใช้ให้ในชั้นแจ้งความที่สถานีตำรวจเท่านั้น ส่วนการติดตามทวงถามเรียกร้อวค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดซึ่งไม่ยอมชดใช้ โจทก์จะเป็นผู้ดำเนินการเองโดยขอให้การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นให้โจทก์ทราบโดยด่วนพร้อมกับรวบรวมหลักฐานส่งไปให้โจทก์ด้วย ตามข้อความในหนังสือดังกล่าวแสดงอยู่ในตัวว่า ในขณะที่การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการต่าง ๆ ตามที่โจทก์มอบหมายนั้นโจทก์ยังไม่ทราบเหตุที่เกิดขึ้น หากผู้ละเมิดไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายและต้องติดตามทวงถามเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ละเมิด จึงให้การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเหตุให้โจทก์ทราบ ดังนี้จึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้การไฟฟ้านครหลวงเป็นตัวแทนโจทก์ในการติดตามทวงถามเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามที่จำเลยที่ 2 ฎีกา เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เหตุคดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2524 จำเลยที่ 2 ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ครั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2525 การไฟฟ้านครหลวงแจ้งเรื่องการละเมิดและผู้กระทำละเมิดให้โจทก์ทราบ ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2525 นับแต่วันที่การไฟฟ้านครหลวงแจ้งให้โจทก์ทราบจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลายังไม่เกิน 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 คดีนี้ คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ชอบด้วยรูปคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายความชั้นฎีกาเป็นเงิน 300 บาท แทนโจทก์”.

Share