แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ. การพนันฯ มาตรา 12(1) ตามบัญชี ก. หมายเลข 11 แยกบทกำหนดโทษสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่ไม่ได้เรียกว่าลูกค้าเป็นบทหนึ่ง และสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้าเป็นอีกบทหนึ่ง การที่จำเลยทั้งยี่สิบสองคนเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันป๊อกแปดเก้าโดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็น ผู้เล่นหรือลูกค้าคนแทง จำเลยทั้งยี่สิบสองก็มีเพียงเจตนาเดียวคือเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันป๊อกแปดเก้า การกระทำของจำเลยทั้งยี่สิบสองจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยทั้งยี่สิบสองคือความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้
การที่ศาลล่างทั้งสองเรียงกระทงลงโทษแก่จำเลยทั้งยี่สิบสองเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเนื่องจากเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีจึงให้มีผลถึงจำเลยอื่น ๆ ที่มิได้ฎีกาด้วย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๑๐, ๑๒, ๑๔ ทวิ, ๑๕ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘, ๘๓ ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับ และลงโทษจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ ถึงที่ ๘ ที่ ๑๐ ที่ ๒๑ และที่ ๒๒ สถานหนัก และบวกโทษจำเลยที่ ๗ ที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยทั้งยี่สิบสองให้การรับสารภาพ จำเลยที ๒ ที่ ๔ ถึงที่ ๘ ที่ ๑๐ ที่ ๒๑ และที่ ๒๒ รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้วตามฟ้อง และจำเลยที่ ๗ รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษไว้ตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งยี่สิบสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๑๐, ๑๒, ๑๔ ทวิ, ๑๕ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘, ๘๓ ให้เรียงกระทงลงโทษ จำเลยที่ ๑ ฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นและฐานเป็นเจ้ามือ ให้จำคุกกระทงละ ๖ เดือน และปรับกระทงละ ๕,๐๐๐ บาท ฐานเป็นผู้เล่นปรับ ๓,๐๐๐ บาท รวมโทษจำเลยที่ ๑ เป็นจำคุก ๑๒ เดือน และปรับ ๑๓,๐๐๐ บาท ลงโทษจำเลยที่ ๓ ที่ ๙ ที่ ๑๑ ถึงที่ ๒๐ ฐานเป็นเจ้ามือจำคุกคนละ ๖ เดือน และปรับคนละ ๕,๐๐๐ บาท ฐานเป็นผู้เล่นปรับคนละ ๓,๐๐๐ บาท รวมโทษจำคุกคนละ ๖ เดือน และปรับคนละ ๘,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ที่ ๔ ถึงที่ ๘ ที่ ๑๐ ที่ ๒๑ และที่ ๒๒ เคยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันฯมาก่อน ให้เพิ่มโทษตามมาตรา ๑๔ ทวิ ฐานเป็นเจ้ามือจำคุกคนละ ๑ ปี และปรับคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ฐานเป็นผู้เล่นจำคุกคนละ ๓ เดือน และปรับคนละ ๕,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งยี่สิบสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก จำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ เดือน และปรับ ๖,๕๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๓ ที่ ๙ ที่ ๑๑ ถึงที่ ๒๐ คนละ ๓ เดือน และปรับคนละ ๔,๐๐๐ บาท เฉพาะจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ ถึงที่ ๘ ที่ ๑๐ ที่ ๒๑ และที่ ๒๒ ความผิดฐานเป็นผู้เล่นไม่ลดโทษให้ เมื่อลดโทษฐานเป็นเจ้ามือ กึ่งหนึ่งรวมกับความผิดฐานเป็นผู้เล่นแล้ว คงจำคุกคนละ ๙ เดือน และปรับคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกของจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ ถึงที่ ๘ ที่ ๑๐ ที่ ๒๑ และที่ ๒๒ ให้รอการลงโทษมีกำหนด ๒ ปี โทษจำคุกของจำเลยอื่น ๆ นอกจากนี้ให้รอการลงโทษมีกำหนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน และให้จำเลยทุกคนจ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ ริบของกลางทั้งหมด
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษแก่จำเลยทั้งยี่สิบสองและบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ ๗ ที่รอการลงโทษไว้ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๖๔๘/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษคดีนี้ โดยอธิบดีอัยการเขต ๕ ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งยี่สิบสองสถานเดียว ไม่ปรับ และไม่จ่ายเงินสินบนนำจับ (ที่ถูก ไม่จ่ายสินบนนำจับเฉพาะข้อหาที่ศาลลงโทษจำคุก) และให้นำโทษจำคุก ๓ เดือน ของจำเลยที่ ๗ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๖๔๘/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้นมาบวกกับโทษในคดีนี้ รวมเป็นจำคุกจำเลยที่ ๗ มีกำหนด ๑๒ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๗ ที่ ๑๔ และที่ ๑๖ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่ศาลล่างทั้งสองเรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งยี่สิบสองในความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้เล่นหรือลูกค้าคนแทงรวมเป็น ๒ กระทงนั้น ชอบหรือไม่ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕ คดีนี้จำเลยทั้งยี่สิบสองให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามฟ้องว่าจำเลยทั้งยี่สิบสองร่วมกับพวกที่หลบหนีการพนันป๊อกแปดเก้าซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการพนันป๊อก ซึ่งเป็นการพนันอันระบุไว้ในบัญชี ก. หมายเลข ๑๑ ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานโดยจำเลยทั้งหมดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้เล่นหรือลูกค้าคนแทง เห็นว่า แม้พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๑๒ (๑) ได้กำหนดโทษ ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันตามบัญชี ก. หมายเลข ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ เดือนขึ้นไปจนถึง ๓ ปี และปรับตั้งแต่ ๕๐๐ บาท ขึ้นไปจนถึง ๕,๐๐๐ บาท ด้วยอีกโสดหนึ่ง เว้นแต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่า ลูกค้า ให้จำคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือปรับไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งแยกบทกำหนดโทษสำหรับผู้เข้าเล่นหรือ เข้าพนันที่ไม่ได้เรียกว่าลูกค้า เป็นบทหนึ่ง และสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้า เป็นอีกบทหนึ่งก็ตาม จำเลยทั้งยี่สิบสองก็มีเพียงเจตนาเดียวคือ เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันป๊อกแปดเก้า ดังนั้นการที่จำเลยทั้งยี่สิบสองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้เล่นหรือเป็นลูกค้าคนแทง การกระทำของจำเลยทั้งยี่สิบสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยทั้งยี่สิบสองในความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ที่ศาลล่างทั้งสองเรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งยี่สิบสองในความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้เล่นหรือลูกค้าคนแทงรวม ๒ กระทงนั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องและเนื่องจากเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดีจึงให้มีผลถึงจำเลยอื่น ๆ ที่มิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๓ ประกอบมาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานเป็นเจ้ามือและฐานเป็นผู้เล่นเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยทั้งยี่สิบสองในความผิดเป็นเจ้ามือซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ เดือน รวมกับโทษในความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นจำคุก ๖ เดือน เข้าด้วยแล้วรวมจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑๒ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๓ ที่ ๙ ที่ ๑๑ ถึงที่ ๑๓ ที่ ๑๕ ที่ ๑๗ ถึงที่ ๒๐ คนละ ๖ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๑๔ และที่ ๑๖ คนละ ๖ เดือน และปรับคนละ ๕,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ที่ ๔ ถึงที่ ๘ ที่ ๑๐ ที่ ๒๑ และที่ ๒๒ เคยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันฯมาก่อนและพ้นโทษยังไม่ครบสามปี ให้วางโทษทวีคูณตามมาตรา ๑๔ ทวิ (๑) จำคุกคนละ ๑ ปี จำเลยทั้งยี่สิบสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๓ ที่ ๙ ที่ ๑๑ ถึงที่ ๑๓ ที่ ๑๕ ที่ ๑๗ ถึงที่ ๒๐ คนละ ๓ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๑๔ และที่ ๑๖ คนละ ๓ เดือน และปรับคนละ ๒,๕๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ ถึงที่ ๘ ที่ ๑๐ ที่ ๒๑ และที่ ๒๒ คนละ ๖ เดือน และให้นำโทษจำคุก ๓ เดือนของจำเลยที่ ๗ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๖๔๘/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้นมาบวกกับโทษในคดีนี้ รวมเป็นจำคุกจำเลยที่ ๗ มีกำหนด ๙ เดือน โทษจำคุกของจำเลยที่ ๑๔ และที่ ๑๖ ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๓ ปี และคุมความประพฤติไว้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ ๑๔ และที่ ๑๖ ฟัง โดยให้จำเลยที่ ๑๔ และที่ ๑๖ ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ ๓ ครั้ง มีกำหนด ๒ ปี ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด ให้จำเลยที่ ๑๔ และที่ ๑๖ ละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดทำนองนี้อีก กับให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยที่ ๑๔ และที่ ๑๖ เห็นสมควรมีกำหนดคนละ ๓๐ ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐ ให้จำเลยที่ ๑๔ และที่ ๑๖ จ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับแก่ผู้นำจับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒