คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4230/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตาย แล้วจำเลยมาพบกับภรรยาผู้ตายที่บ้านผู้ตายในเวลากลางคืน โดยให้เพื่อนผู้ชาย 2คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนผู้ตายเพื่อผู้ตายตื่นขึ้นมาจำเลยจะได้ออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อนของตนขัดขวางไม่ให้ผู้ตายพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับภรรยาผู้ตายดังนี้ เมื่อเพื่อนของจำเลยซึ่งนำอาวุธมีดติดตัวมาแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย จึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นการกระทำของจำเลยถือได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตาย
แต่การกระทำของเพื่อนจำเลยดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายขณะลุกจากที่นอนมาที่ประตูห้องนอน เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากการไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธแทงนายอำนวยโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้นายอำนวยถึงแก่ความตายในทันที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289 คืนของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289 ให้ประหารชีวิตจำเลย คืนของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่าหลังจากนางกินถั้นภรรยาของผู้ตายได้แยกกับจำเลยแล้ว ต่อมาได้พบกับจำเลยเมื่อก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 ปี จึงไปเที่ยวกับจำเลยที่หาดใหญ่บ้าง ที่มาเลเซียบ้าง ผู้ตายไม่ทราบเรื่องเพราะนางกิมถั้นอ้างว่าไปซื้อของเมื่อนางกิมถั้นไปอยู่กับผู้ตายที่จังหวัดสตูลซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ จำเลยก็ได้มาพบกับนางกิมถั้นในเวลากลางคืน นางกิมถั้นจึงให้กุญแจประตูเหล็กหน้าบ้านแก่จำเลย เวลาที่จำเลยมาพบกับนางกิมถั้นที่บ้านผู้ตายนั้น จำเลยได้พาเพื่อนผู้ชายมาด้วย 2 คน และให้ไปเฝ้าที่หน้าห้องผู้ตาย จึงแสดงว่าจำเลยเป็นชู้กับนางกิมถั้น ถ้าจำเลยมาพบกับนางกิมถั้นเพียงพูดคุยและรับเงินไปจากนางกิมถั้นดังที่จำเลยนำสืบแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่จำเลยจะต้องให้เพื่อนผู้ชาย 2 คนไปเฝ้าที่หน้าห้องนอนของผู้ตายเพราะถึงผู้ตายตื่นขึ้นมา จำเลยก็อาจจะออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ทัน การที่จำเลยให้เพื่อนผู้ชาย 2 คนไปเฝ้าผู้ตายที่หน้าห้องผู้ตาย จึงเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่า จำเลยมีเจตนาที่จะให้เพื่อน 2 คนนั้นขัดขวางผู้ตายไม่ให้พบเห็นว่าจำเลยเป็นชูกกับนางกิมถั้น และการขัดขวางนั้นย่อมรวมถึงการทำร้ายร่างกายผู้ตายด้วย เพื่อนจำเลยจึงได้นำอาวุธมีดติดตัวมาเมื่อเป็นเช่นนี้การที่เพื่อนจำเลย 2 คนนั้นร่วมกันใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตายจึงอยู่ในวัตถุประสงค์ของจำเลยที่มีเจตนาจะไม่ให้ผู้ตายมาพบเห็นจำเลยเป็นชู้กับนางกิมถั้นภรรยาผู้ตายได้ จึงฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับเพื่อน 2 คนนั้นฆ่าผู้ตายคดีมีปัญหาต่อไปว่า การฆ่าผู้ตายเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าก่อนที่นางกิมถั้นจะมารอคอยจำเลยที่ชั้นล่างของบ้าน นางกิมถั้นได้เปิดประตูห้องนอนออกมา ประตูห้องนอนจึงเปิดอยู่ ถ้าจำเลยและเพื่อนจำเลย 2 คนนั้นมีเจตนาที่จะฆ่าผู้ตายมาก่อนก็อาจจะเปิดประตูห้องนอนไปฆ่าผู้ตายขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้ตายได้ลุกจากห้องนอนไปที่ประตูห้องนอนและถูกเพื่อนของจำเลย 2 คนนั้นเข้าขัดขวางไม่ให้ผู้ตายไปพบเห็นจำเลบยเป็นชูกกับนางกิมถั้น จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น และเพื่อนจำเลย 2 คนนั้นได้ทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตายการฆ่าผู้ตายจึงเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มิได้เกิดจากกรณีไตร่ตรอง จึงไม่เป็นการฆ่าผู้ตายโดยการไตร่ตรองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 เมื่อจำเลยกระทำผิดแล้วก็ได้มอบตัวต่อพนักงานสอบสวนโดยดี จึงมีเหตุอันควรได้รับความปรานีและคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เพราะโจทก์มีประจักษ์พยานเพียงปากเดียวคือนางกิมถั้น เมื่อพิจารณาประกอบกับคำของจำเลยที่ว่าได้มาที่บ้านผู้ตายในคืนเกิดเหตุและให้เพื่อน 2 คนไปคอยเฝ้าผู้ตายที่หน้าห้องนอนผู้ตายและเพื่อนจำเลย 2 คนนั้น ได้ร่วมกันฆ่าผู้ตาย ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงยิ่งขึ้นถึงแม้จำเลยจะปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมรู้เห็นในการกระทำของเพื่อนจำเลย 2 คนนั้นก็ตาม

พิพากาาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83ให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิต คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 ให้จำคุก 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share