แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ ตามฟ้องข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจร ซึ่งแม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขอให้ลงโทษในความผิดฐานนี้มาด้วย ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยในฐานรับของโจรได้ตามที่พิจารณาได้ความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก 1 คนซึ่งหลบหนีได้ร่วมกันลักเอารถจักรยานยนต์จำนวน 1 คันของผู้เสียหายไปโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 (1) (7), 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335 (1) (7) จำเลยกระทำความผิดขณะอายุยังไม่เกิน 17 ปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งจำคุก 2 ปีจำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนประกอบกับคำเบิกความชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘มีปัญหาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องดังที่โจทก์ฎีกาหรือไม่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ แต่โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าวกับคนร้ายแต่พยานหลักฐานโจทก์แสดงชัดว่าจำเลยร่วมนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขายและน่าเชื่อต่อไปด้วยว่าจำเลยทราบดีว่านายไพศาลหรือเฟิสลักรถจักรยานยนต์นั้นมาจำเลยจึงย่อมมีความผิดฐานร่วมรับของโจรซึ่งแม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขอให้ลงโทษในความผิดฐานนี้มาด้วยแต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยได้ตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก, 83 จำเลยมีอายุเมื่อนับถึงวันกระทำความผิดยังไม่เกินสิบเจ็ดปีลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 จำคุก 1 ปี 6 เดือนคำรับของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน’.