คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2927/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาจะซื้อขายระบุว่า การชำระเงินค่าที่ดินแต่ละงวด โจทก์จะต้องนำไปชำระที่บ้านของจำเลยทุกครั้ง ถ้า ไม่ปฏิบัติตามถือว่าโจทก์ผิดสัญญา เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์จำเลยตกลงกันให้ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ไปเก็บเงินจากโจทก์ทุกงวด งวดประจำเดือนกันยายน2524 จำเลยไม่ไปเก็บเงินจากโจทก์ การที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ไปเก็บเงินจากโจทก์ และได้ปฏิบัติกันตลอดมาเช่นนี้แสดงว่าโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาถือเอาข้อกำหนดเรื่องสถานที่ชำระเงินค่าที่ดินว่าจะต้องให้โจทก์นำไปชำระที่บ้านของจำเลยโดยเคร่งครัดดัง ที่ระบุไว้ในสัญญา ดังนั้นในข้อที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยไปเก็บเงินค่าที่ดินจากโจทก์นี้ โจทก์ย่อมนำสืบได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงปฏิบัติต่อกันใหม่แตก ต่างจากข้อตกลงที่กำหนดไว้ในสัญญาเดิม ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดิน โดยจำเลยยอมให้โจทก์ชำระราคาเป็นงวด สัญญาว่าเมื่อโจทก์ชำระราคาที่ดินครบถ้วนแล้วจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ทั้งที โจทก์ได้ชำระเงินตามสัญญาให้จำเลยทุกเดือนตลอดมา ต่อมาโจทก์ไปชำระค่าที่ดินแต่จำเลยไม่ยอมรับโจทก์จึงนำเงินค่าที่ดินที่จะต้องชำระให้จำเลยอีก 4 งวด ไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ ขอให้พิพากษาให้จำเลยรับเงินที่วางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์และให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยไม่นำเงินมาผ่อนชำระให้จำเลยสองงวดติดต่อกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับเงินที่โจทก์วางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์ ให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์หากจำเลยไม่จัดการโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยตกลงกับโจทก์ว่าจำเลยเป็นฝ่ายไปเก็บเงินจากโจทก์ทุกงวดตลอดมา หาใช่โจทก์ตกลงนำเงินค่าที่ดินแต่ละงวดไปชำระให้จำเลยที่บ้านของจำเลยดังที่ระบุไว้ในสัญญาไม่ในงวดเดือนกันยายน2524 จำเลยไม่ไปเก็บเงินจากโจทก์ตามที่ตกลงกันไว้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา…
ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าตามสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.2ข้อ 2 ระบุไว้ชัดว่า การชำระเงินค่าที่ดินแต่ละงวด โจทก์จะต้องนำไปชำระที่บ้านของจำเลยทุกครั้ง ถ้าไม่ปฏิบัติตามถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จำเลยมีสิทธิริบเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมดได้ตามสัญญาข้อ 4การที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์จำเลยตกลงกันว่า ให้จำเลยไปเก็บค่าที่ดินจากโจทก์ จึงเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.2 ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 นั้นเห็นว่าในการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวนี้ ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งในปัญหาดังกล่าว ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าโจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้จำเลยเป็นผู้ไปเก็บเงินค่าที่ดินจากโจทก์ทุกงวดงวดประจำเดือนกันยายน 2524 จำเลยไม่ไปเก็บเงินจากโจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา หาใช่โจทก์ไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์จำเลยตกลงกันให้ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ไปเก็บเงินจากโจทก์และได้ปฏิบัติกันตลอดมาเช่นนี้ แสดงว่าโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาถือเอาข้อกำหนดเรื่องสถานที่ชำระเงินค่าที่ดินว่าจะต้องให้โจทก์นำไปชำระที่บ้านของจำเลยโดยเคร่งครัดดังที่ระบุไว้ในสัญญาเอกสารหมาย จ.2 ดังนั้นในข้อที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยเป็นเก็บเงินค่าที่ดินจากโจทก์นี้โจทก์ย่อมนำสืบได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงปฏิบัติต่อกันใหม่แตกต่างจากข้อตกลงที่กำหนดไว้ในสัญญาเดิม ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share