แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดทรัพย์สินของจำเลยผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีสำนวนอื่นของจำเลยขอเฉลี่ยทรัพย์ อ้างว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีกแล้วนอกจากที่โจทก์นำยึดเท่านั้น
โจทก์ฎีกาคัดค้าน เมื่อฎีกาของโจทก์คลุมเครือไม่แจ้งชัดว่าหมายถึงเจ้าหนี้รายใด(ผู้ร้องขอเฉลี่ยหลายราย)และข้ออ้างว่ากระไร ดังนี้ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้ได้
ย่อยาว
คดีนี้ศาลจังหวัดสั่งอนุญาตให้นางพา นายพอน นายพุ่ม นางท้อยนายลม นางหลัก นางกลับ เจ้าหนี้นายทิด นางกลับ จำเลยรับส่วนเฉลี่ยในเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยซึ่งโจทก์นำยึดในคดีแพ่งเลขแดงที่ 168/2495
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์รับฟังเอกสารที่โจทก์อ้างแล้ววินิจฉัยว่าทรัพย์ที่ปรากฏในคดี 4 สำนวนที่โจทก์กล่าวถึงเป็นทรัพย์ที่เจ้าหนี้ยึดไว้แล้ว ทรัพย์อย่างอื่นของจำเลยที่ยังไม่ถูกยึดเป็นอันไม่มีผู้ร้องจึงขอเฉลี่ยจากทรัพย์ที่โจทก์ยึดในคดีนี้ได้ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อเจ้าหนี้เหล่านั้นยื่นคำร้องขอรับส่วนเฉลี่ยก็ได้ลงลายมือชื่อในคำร้องด้วยตนเอง บ้างแต่งทนายแล้วให้ทนายความลงชื่อในคำร้องบ้างเป็นการถูกต้องแล้ว ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าบางรายไม่ได้กล่าวถึงข้ออ้างอันอาศัยเป็นมูลฐานแห่งการขอเฉลี่ยนั้น ฎีกาโจทก์เคลือบคลุมไม่แจ้งชัดว่า โจทก์หมายถึงเจ้าหนี้รายใดและข้ออ้างว่ากระไร ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยได้ถูก
อนึ่งทรัพย์ของจำเลยที่โจทก์ยึดไว้ก็ตาม ทรัพย์อื่นที่โจทก์อ้างถึงก็ตาม ได้ความจากพยานผู้ร้องว่าจำเลยมีทรัพย์แต่ที่โจทก์ยึด และไม่รู้ว่ามีอย่างอื่นอีกซึ่งโจทก์มิได้สืบหักล้างหรือสืบอธิบายให้เห็นว่าคำให้การของพยานผู้ร้องหมายถึงที่ดินแปลงใดที่ผู้ร้องรู้ว่าเป็นของจำเลย ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่าที่ดินบางแปลงเจ้าหนี้ยึดไว้ว่าเป็นของจำเลย
จึงพิพากษายืน