คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2321/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องและร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา เมื่อปรากฏในระหว่างดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์อยู่นั้นว่า ฟ้องของโจทก์ไม่บริบูรณ์ โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์โดยวิธีเสนอคำฟ้องเพิ่มเติมตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 179 ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่าพลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์ ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมมีทรัพย์สมบัติทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ รวมราคา 116,172,770 บาท44 สตางค์ โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกตามส่วนคือจำนวน21,122,321 บาท 90 สตางค์ จำเลยทั้งสามเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินอันเป็นกองมรดกทั้งหมดและได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกต่อศาลแพ่ง ขอให้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 กับพวกแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวข้างต้น
ในวันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยโดยไม่จำต้องไต่สวนพยานโจทก์ จึงให้งดการไต่สวนและมีคำสั่งว่าตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามไม่ยอมแบ่งมรดกให้โจทก์อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่อย่างใดคดีของโจทก์จึงไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 7 วัน ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่าทรัพย์สินอันเป็นกองมรดกทั้งหมดจำเลยทั้งสามเป็นผู้ครอบครองและโจทก์ได้ติดต่อบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสามแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ทั้งสองตามสิทธิที่จะได้รับแล้ว แต่จำเลยทั้งสามไม่ยอมแบ่ง
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องที่ขอแก้ไขคำฟ้องว่าศาลยังมิได้สั่งรับฟ้องจึงไม่มีคำฟ้องที่โจทก์จะขอแก้ได้ ยกคำร้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้วขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถานั้นศาลจะสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้ทันทีไม่ได้ จำต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 155 โดยจะต้องไต่สวนให้เป็นที่เชื่อได้ว่าโจทก์เป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมและโจทก์ผู้ขอจะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจศาลด้วยว่าคดีของตนมีมูลที่จะฟ้องร้องศาลจึงจะอนุญาตให้โจทก์นั้นฟ้องคดีอย่างคนอนาถาได้ แล้วจึงจะมีคำสั่งให้รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาอย่างคดีอนาถาต่อไป เมื่อปรากฏว่าในระหว่างดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์อยู่นั้น ฟ้องเดิมของโจทก์ไม่บริบูรณ์ โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์โดยวิธีเสนอคำฟ้องเพิ่มเติมตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ซึ่งคำฟ้องเดิมกับคำฟ้องที่เสนอภายหลังนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้และจะต้องยื่นก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานแล้วแต่กรณีตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 180สำหรับกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในคดีที่โจทก์ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในระหว่างที่ศาลไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาอยู่นั้นไม่มีบทกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องนั้นได้ กรณีเช่นนี้จึงต้องนำบทบัญญัติเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 และมาตรา 180มาใช้บังคับด้วย ซึ่งก็ไม่ขัดกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด คดีนี้ปรากฏว่าในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ยังส่งสำเนาคำร้องและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสามไม่ได้ ศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเสียโดยอ้างเหตุว่า คดีของโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องและมีคำสั่งต่อไปอีกว่าหากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 7 วัน เช่นนี้ จะเห็นได้ว่าศาลชั้นต้นเพียงแต่ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เสียเท่านั้น หากได้มีคำสั่งยกคำฟ้องหรือไม่รับคำฟ้องของโจทก์ที่ยื่นพร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแต่ประการใดไม่ ดังนั้นคำฟ้องเดิมของโจทก์ยังคงมีอยู่เช่นเดิม เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องให้บริบูรณ์และคำฟ้องที่โจทก์ขอเพิ่มเติมนั้นก็เกี่ยวข้องกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ และยื่นคำร้องนั้นก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน เมื่อกรณีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179 และมาตรา 180 โดยถูกต้องแล้วก็ชอบที่ศาลจะสั่งให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องนั้นได้”
พิพากษายืน.

Share