แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองและบริวารรื้อโรงเรือนออกจากที่ดินของโจทก์แม้จะบรรยายมาด้วยว่าจำเลยทั้งสองปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์กว้างประมาณ2.50เมตรยาวประมาณ8เมตรก็เป็นเพียงการประมาณเอาเท่านั้นจำเลยทั้งสองให้การว่าไม่ได้ปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์ที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสองศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลยและศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อถอนโรงเรือนที่รุกล้ำออกไปไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทหากต่อมามีปัญหาเกี่ยวกับแนวเขตที่พิพาทก็เป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีการที่จำเลยทั้งสองเพียงแต่รื้อห้องน้ำออกไปถือไม่ได้ว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้วชอบที่ศาลจะสั่งให้ไปตรวจดูว่าโรงเรือนของจำเลยทั้งสองยังคงรุกล้ำที่ดินของโจทก์อีกหรือไม่
ย่อยาว
กรณี สืบเนื่อง มาจาก ศาลฎีกา พิพากษายืน ตาม คำพิพากษา ของ ศาลล่างทั้ง สอง ว่า ให้ จำเลย ทั้ง สอง และ บริวาร รื้อ โรงเรือน ออกจาก ที่ดินตาม แบบ แจ้ง การ ครอบครอง เลขที่ 25/2498 ของ โจทก์ ต่อมา จำเลย ทั้ง สองได้ รื้อถอน ห้องน้ำ ซึ่ง กว้าง 2 เมตร ยาว 3.3 เมตร ออก ไป จาก ที่ดินดังกล่าว โจทก์ คัดค้าน ว่าการ รื้อ เฉพาะ ห้องน้ำ ไม่ถูกต้อง ขอให้รื้อ โรงเรือน ส่วน ที่ เป็น ตัว บ้าน ออก ไป 2.5 เมตร ด้วย จำเลย ทั้ง สองแถลงว่า ได้ ปฏิบัติ ตาม คำพิพากษา ถูกต้อง ครบถ้วน แล้ว
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ว่า จำเลย ปฏิบัติ ตาม คำพิพากษา ถูกต้อง แล้ว
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายก คำสั่งศาล ชั้นต้น ให้ ศาลชั้นต้นสั่ง ให้ ทำแผน ที่พิพาท ประกอบการ พิจารณา แล้ว มี คำสั่ง ใหม่ ตาม รูปคดี
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ข้อเท็จจริง ฟัง เป็น ยุติ ได้ว่า เดิม โจทก์ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ครอบครอง ที่ดิน ตาม แบบ แจ้ง การ ครอบครองส.ค.1 เลขที่ 25/2498 หมู่ ที่ 4 ตำบล บ้านกลึง อำเภอ บางไทร จังหวัด พระนครศรีอยุธยา จำเลย ทั้ง สอง บุกรุก เข้า ไป ปลูก โรงเรือนใน ที่ดิน ดังกล่าว จึง ต้อง รื้อ โรงเรือน ออก ไป ต่อมา จำเลย ทั้ง สองได้ รื้อ ห้องน้ำ กว้าง 2 เมตร ยาว 3.3 เมตร ออก ไป แล้ว มี ปัญหา ต้องวินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สอง ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ ปฏิบัติ ตามคำพิพากษา ถูกต้อง ครบถ้วน แล้ว หรือไม่ เห็นว่า คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ขอให้บังคับ จำเลย ทั้ง สอง และ บริวาร รื้อ โรงเรือน ออกจาก ที่ดิน ตาม แบบแจ้ง การ ครอบครอง (ส.ค.1 ) ของ โจทก์ ห้าม จำเลย ทั้ง สอง และ บริวารเข้า มา เกี่ยวข้อง อีก ต่อไป จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ต่อสู้ คดี ว่า ไม่ได้ปลูก โรงเรือน รุกล้ำ ที่ดิน ของ โจทก์ ที่พิพาท เป็น ของ จำเลย ทั้ง สองศาลชั้นต้น กำหนด ประเด็น ข้อพิพาท แต่เพียง ข้อ เดียว ว่า ที่พิพาทเป็น ของ โจทก์ หรือ ของ จำเลย ใน ระหว่าง การ พิจารณา คดี ของ ศาลชั้นต้นไม่มี การ ทำแผน ที่พิพาท แต่อย่างใด ต่อมา ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่าที่พิพาท เป็น ของ โจทก์ ให้ จำเลย ทั้ง สอง และ บริวาร รื้อถอน โรงเรือนที่ รุกล้ำ ออก ไป ศาลอุทธรณ์ และ ศาลฎีกา พิพากษายืน คดี ไม่มี ประเด็นข้อพิพาท เกี่ยวกับ แนวเขต ที่พิพาท แม้ โจทก์ จะ บรรยาย มา ใน ฟ้อง ด้วย ว่าจำเลย ทั้ง สอง ปลูก โรงเรือน รุกล้ำ ที่ดิน ของ โจทก์ กว้าง ประมาณ2.50 เมตร ยาว ประมาณ 8 เมตร ก็ ตาม ก็ เป็น เพียง การ ประมาณ เอาเท่านั้น หาก ต่อมา ภายหลัง จาก ศาล พิพากษา ไป แล้ว มี ปัญหา เกี่ยวกับแนวเขต ที่พิพาท ก็ เป็น ปัญหา ใน ชั้น บังคับคดี การ ที่ จำเลย ทั้ง สองเพียงแต่ รื้อ ห้องน้ำ มี ความ กว้าง 2 เมตร ยาว 3.3 เมตร ออก ไป นั้นยัง ถือไม่ได้ว่า ได้ ปฏิบัติ ตาม คำพิพากษา ถูกต้อง ครบถ้วน แล้วชอบ ที่ ศาลชั้นต้น จะ สั่ง ให้ ไป ตรวจสอบ ดู ว่า โรงเรือน ของ จำเลย ทั้ง สองยัง คง รุกล้ำ ที่ดิน ตาม แบบ แจ้ง การ ครอบครอง ของ โจทก์ ดังกล่าว อีกหรือไม่ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วยฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สอง ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน